บทความ

“7 สิ่งที่ได้เรียนรู้ในปี 2022” – อ.พรเทพ เศรษฐทรัพย์ทวี –

ปีนี้เป็นปีที่ผ่านพ้นจากวิกฤตโควิด เหมือนบ้านที่เพิ่งผ่านพายุกระหน่ำ เป็นช่วงเวลาที่ต้องเก็บกวาด ซ่อมแซม ปรับปรุง แม้จะลำบากหน่อยแต่เราทุกคนก็ผ่านมาได้ ตลอดทั้งปีนี้ผมได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างมาก ๆ ขอเล่าดัง ๆ ให้พี่น้องฟังกันครับ

1. อย่าเพียงแต่ทำสิ่งที่เราอยากทำเท่านั้น เราต้องทำในสิ่งที่เราควรทำด้วย

แน่นอนเรามักจะทำสิ่งที่เรามี Passion หรือภาระใจได้ดี และสามารถทำมันได้อย่างต่อเนื่อง แต่บางครั้งงบางบทบาทนั้น เรียกร้องให้เราเป็นผู้ทำ แม้ไม่มีใครบังคับให้เราต้องทำ แต่เสียงเรียกร้องในใจบอกว่าเรานั้นแหละที่ควรทำ แต่ปัญหาคือเรายังไม่มี Passion ขนาดนั้น
บางทีการตัดสินใจทำในสิ่งที่เราควรทำมันก็ไม่ได้แย่ ทั้งมิติของความรู้สึกและผลลัพธ์ที่ได้ การได้ทำสิ่งที่ถูกต้องแม้จะไม่โดนใจ แต่สุดท้ายเราก็รู้สึกดีที่ได้ตัดสินใจเอาชนะความรู้สึกอยากและไม่อยากของตนเองได้ ทำให้ได้เรียนรู้ว่าผู้ใหญ่คือคนที่ใช้เหตุผลในการตัดสินใจมากกว่าความรู้สึก

2. เราสามารถทำตามบทบาทของเราพร้อมกับมีความกังวลใจอยู่ด้วยได้

ปีนี้เป็นปีที่มีความกังวลในงานและการใช้ชีวิต กังวลถึงขั้นอยากจะหยุดเลยด้วยซ้ำ แต่ยังคงต้องตัดสินใจทำสิ่งที่ควรทำต่อไป เป็นช่วงเวลาที่ต่อสู้กับตัวเองสุด ๆ หาวิธีสร้างกำลังใจให้ตนเองหลายครั้ง อธิษฐานของกำลังหลายรอบ แต่ความกังวลก็ไม่หายไปสักที สุดท้ายได้เรียนรู้อยู่กับความกังวลและบทบาทของตนเองที่ต้องทำต่อไป  ทำให้รู้ว่าเราก็ทำได้นี่หว่า
จัดการกับความกังวลให้อยู่ถูกที่ถูกทาง แม้ความกังวลไม่จากเราไปแต่เราก็ทำงานของเราต่อไปได้ อาจจะช้าบ้างแต่เรายังคงเดินต่อ สุดท้ายทำให้เรารู้ว่าแรงขับเคลื่อนเราไม่เกี่ยวกับความกังวล แต่เป็นพลังจากเบื้องบนต่างหาก

3. ตั้งเป้าหมายนอกจากเรื่องงานด้วย และลงมือทำให้สำเร็จ

บางทีความสำเร็จเล็ก ๆ ก็สร้างกำลังใจให้เราได้เราอาจคุ้นชินกับการตั้งเป้าหมายในการทำงาน หาวิธีที่ทำให้สำเร็จ และลงมือทำ บางทีเกิดความเครียดสะสมโดยที่เราไม่รู้ตัว ลองหันมาตั้งเป้าหมายในเรื่องอื่น ๆ ที่ไม่ใช่เรื่องงานดูบ้าง เช่น อยากทำซูชิเป็น อยากลดน้ำหนัก อยากแต่งห้องใหม่ หาวิธีและลงมือทำให้สำเร็จ มองให้เป็นเรื่องสนุก บางงานอาจจะดูไม่มีสาระแต่เมื่อเราทำสำเร็จ มันโคตรมีความสุขเลย แม้เป็นความสำเร็จเล็ก ๆ แต่มันเกิดพลังบวกในชีวิต จนทำให้มีกำลังใจในการทำงานอื่น ๆ บอกได้เลยรู้สึกดีสุด ๆ

4. โอกาสเกิดขึ้นได้เสมอ การเตรียมพร้อมเท่านั้นที่จะทำให้เราคว้าโอกาสนั้นมาได้

ปีนี้เป็นปีที่ได้ทำสิ่งใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์พิเศษสอนพระคริสตธรรม วิทยากรค่ายอนุชน หรือแม้แต่การรับบทบาทของศิษยาภิบาล แต่ก็ทำให้รู้ว่าไม่ใช่ทุกโอกาสที่เราจะทำได้ถ้าเราไม่เตรียมชีวิต ความรู้ ทักษะ ที่จำเป็นมาอย่างต่อเนื่อง
ทำให้พบความจริงว่า โอกาสเกิดขึ้นเสมอ แต่ผู้ที่จะคว้ามาได้ต้องเป็นผู้ที่พร้อมเท่านั้น ในเมื่อเราไม่รู้ว่าโอกาสจะมาเมื่อไหร่ เราก็ต้องเตรียมพร้อมชีวิตเสมอในขณะที่ยังไม่มีโอกาส

5. ยิ่งรับใช้ยิ่งเห็นคุณค่างานอนุชนมากยิ่งขึ้น

การลงทุนชีวิตกับอนุชนเป็นสิ่งที่คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม สมมติถ้าวันนี้ชีวิตเราส่งผลกระทบชีวิตของเรากับอนุชน 10 คนที่เราดูแล และอนุชน 1 คน ตลอดชีวิตของเขาสามารถส่งผลกระทบกับคนอีก 10 คนตลอดชีวิต แสดงว่าเรากำลังส่งผลกระทบกับคน 100 คน คิดได้แบบนี้แล้วทำไมเราไม่ใส่ใจกับอนุชนมากกว่านี้ล่ะ เพราะวันนี้เราส่งผลกระทบกับคน 10 คน แต่เรากำลังส่งผลกระทบกับคน 100 คนต่างหาก

6. โฟกัสและความต่อเนื่อง ส่งผลต่อความสำเร็จเป็นอย่างมาก

พออายุมากขึ้นยิ่งทำให้รู้ว่าเราทำทุกอย่างไม่ได้จริง ๆ เราต้องเลือกบางอย่างที่สำคัญมาทำก่อน และต้องโฟกัสสิ่งนั้นจริง ๆ และสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ การทำอย่างต่อเนื่องด้วยความสัตย์ซื่อ วินัยและความรับผิดชอบ
เมื่อต้นปีได้ทำหลายอย่างพอปลายปีเริ่มเห็นผล บางงานก็สำเร็จบางงานก็ไม่สำเร็จ แน่นอนว่างานที่สำเร็จมาจากงานที่เราต่อเนื่องอยู่เสมอ ส่วนงานที่ไม่ต่อเนื่องก็หยุดนิ่งไป

7. ถ้าเราไม่หยุด ไม่เลิก ไม่นานก็จะเห็นพระคุณพระเจ้าต่องานนั้นเสมอ

คำตอบอยู่ที่ความสัตย์ซื่อ เพราะความสัตย์ซื่อจะทำให้เรารับผิดชอบ และความรับผิดชอบทำให้เราไม่ลดละ อย่าผูกติดกับผลแห่งความสำเร็จ แต่ให้ยึดที่ความสัตย์ซื่อ พระเจ้าผู้ทรงเป็นเจ้าของทุ่งนาของพระองค์จะอวยพรให้เราเห็นผลจากการหว่านเสมอ เมื่อเราไม่เมื่อยล้า เราก็จะได้เห็นผลผลิตจากการลงมือทำอย่างแน่นอน นั้นคือพระคุณของพระเจ้าที่มีต่อเรา
สุดท้ายนี้ไม่ว่าปีนี้จะเป็นอย่างไร แต่ขอให้ปีหน้าเป็นปีที่ดีอีกปีหนึ่งที่เราได้เรียนรู้เรื่องราวดี ๆ จากพระเจ้า อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยสูญเปล่า เพราะว่าปี 2023 เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว และจะไม่มีปี 2023 อีกเลย ขอให้ทุกปีมีความหมายสำหรับคุณ

ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง