1.เรียนรู้ที่จะยอมจำนน อันนี้หมายถึงการพึ่งการตัดสินใจด้วยตัวเองให้น้อยลง ซึ่งจะนำมาสู่การไว้วางใจในการทรงนำของพระเจ้าในแผนการที่พระองค์เตรียมไว้ให้เรา ไม่ว่าหนทางจะเป็นอย่างไรขอแค่เราเชื่อฟังพระเจ้าอย่างสุดใจ
2.เรียนรู้ที่จะเลิกหาวิธีในการได้รับการยอมรับจากคนอื่น ไม่ว่าจากการรับใช้พระเจ้าหรือ position ในการทำงาน ผมว่าสิ่งนี้เป็นอันตรายต่อตัวเองที่จะดึงเราออกไปจากการยอมให้พระเจ้านำในชีวิต การแสวงหาการยอมรับจากผู้อื่นในด้านชื่อเสียง เกียรติยศ ความสำเร็จไม่ว่าจะจากการงานหรือการเงิน หรือจากโลกเสมือนจริงใน Social Media ทั้งหมดทำให้เราทิ้งพระเจ้าพระเจ้าไว้ข้างหลัง สำหรับผมข้อความในพระคัมภีร์เฉลยธรรมบัญญัติ 31 ข้อ 8 ที่โมเสสเรียกโยชูวาเข้ามาแล้วพูดต่อหน้าอิสราเอลว่า “ผู้ที่เดินนำหน้าคือพระเจ้า พระองค์จะสถิตกับเราและจะไม่ปล่อยให้เราล้มเหลวหรือทอดทิ้งเราเลย” เพราะฉะนั้นต้องถามตัวเองเสมอว่า “เราเดินนำหน้าพระเจ้า หรือ เราให้พระเจ้าเดินนำหน้าเรากันแน่?”
3. เรียนรู้ที่จะทำความรู้จักพระเจ้าอย่างที่พระองค์เป็น หมายถึงการรู้จักน้ำพระทัยของพระเจ้าที่มีต่อผมเอง การรู้จักพระเจ้าไม่ได้ยาก สำหรับผม พระเจ้าไม่ได้ต้องการอะไรซับซ้อนมากมาย พระองค์ไม่ได้ต้องการให้เราทุ่มเทรับใช้เพื่อที่คริสเตียนจะได้บำเหน็จอย่างที่เราคิด พระองค์ไม่ได้ต้องการให้เราท่องจำพระคัมภีร์ได้ทั้งเล่ม พระองค์ไม่ได้ต้องการให้เราไปยืนประกาศให้คนอื่นมารับเชื่อแล้วเราจะได้รางวัล สำหรับผม พระเจ้าแค่ต้องการให้คุณและผมเข้ามาใกล้ๆพระองค์ ใช้เวลากับพระองค์ ฟังเสียงพระองค์ ในข้อนี้ผมคิดว่าเป็นขั้นตอนที่สำคัญมากที่สุด ก่อนที่เราจะขยับไปหาทำเรื่องอื่นๆในการรับใช้หรืองานพันธกิจ ถ้าคุณไม่รู้จักพระเจ้าที่คุณรับใช้อย่างดีพอ คุณจะทราบได้อย่างไรว่าน้ำพระทัยพระองค์ต้องการอะไรจากเรา
4. เรียนรู้และยอมรับให้พระเจ้าขัดเกลาเรา คำว่า “ขัดเกลา” กับคำว่า “ตีสอน” ต่างกับแบบคนละขั้ว ในช่วงสองปีที่ผ่านมา ยอมรับว่าผมผ่านประสบการณ์ของการยอมให้พระเจ้าขัดเกลาชีวิตหลายด้านหลายมุมมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องการยอมลดทิฐิของตัวเอง เรื่องชีวิตส่วนตัว เรื่องการเงิน ฯลฯ หาเวลาเงียบๆแล้วพิจารณาตัวเองว่าอะไรเป็นอุปสรรคที่ทำให้เรายังเข้าใกล้พระเจ้าไม่เพียงพอ แล้ววางสิ่งที่เป็นอุปสรรคเหล่านั้นไว้หน้าพระเจ้า ในโยบ บทที่ 13 ข้อ 15 “พระเจ้าทรงประทานให้ และพระเจ้าทรงเอาไปเสีย” สำหรับผมคือ งาน เงินเดือน ตำแหน่ง รถ มอเตอร์ไซด์ ประกันสุขภาพและประกันชีวิต ช่วงปีที่ผ่านมาผมถวายคืนให้พระเจ้าด้วยความวางใจ บางทีสิ่งเหล่านั้นอาจจะเป็นสิ่งที่เรารัก หวง ห่วง เสียดาย … แต่ถ้าเราปล่อยมัน แล้วคืนให้พระเจ้าได้ ผมเชื่อว่าแผนการณ์ที่พระองค์วางไว้ให้คุณ มันนำมาสู่ความสมบูรณ์และดีกว่าสิ่งที่คุณยึดไว้เป็นร้อยพันเท่า
5. เรียนรู้และยอมที่จะอยู่นิ่งๆเฉยๆ แล้วรอคอยพระเจ้า ซึ่งต้องบอกว่ายากมากสำหรับอุปนิสัยของตัวเองที่เป็นคนไม่อยู่นิ่ง ในสมองคิดตลอดเวลาว่าจะทำอะไรต่อ ไม่ว่าจะเป็นโปรเจคส่วนตัว งานของตัวเอง แต่พระเจ้าให้เรียนรู้ว่า อยู่เฉยๆคืออยู่เฉยๆ และรอคอยด้วยความวางใจ ผมเรียนรู้ที่จะแยกแยะสิ่งที่ “ใช่” น้ำพระทัยของพระเจ้า และสิ่งที่ “ไม่ใช่” อันเป็นสิ่งที่มาจากความคิดของตัวเองที่จะสนองความสำเร็จของตัวเอง ซึ่งง่ายๆคือถ้าใช่สำหรับพระเจ้า เราจะไม่เครียด ไม่เหนื่อยและทุกสิ่งที่ทำจะง่ายเมื่อเป็นแผนการณ์ที่พระเจ้าวางไว้ให้ แล้วเราจะหันมามองว่าเรางมหาทางอยู่นาน เมื่อสิ่งที่ “ไม่ใช่” น้ำพระทัยพระเจ้า มันทำให้เราเหนื่อยเหมือนต้องเดินฝ่าหนทางที่เต็มไปด้วยขวากหนาม
6. เรียนรู้ที่จะอยู่ด้วย “ความหวังใจ” ซึ่งหมายถึงสถานการณ์ใดๆที่ประดังประเดเข้ามาในชีวิต ปัญหาและอุปสรรคน้อยใหญ่ ผมไม่กลัวเพราะเชื่อและหวังใจว่าพระเจ้าให้สิ่งดีๆจะเกิดขึ้นตามเวลาและวาระที่พระองค์เตรียมให้ ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าเราจะทิ้งมือทิ้งเท้า แต่เราจะเตรียมมือเตรียมเท้าและเตรียมตัวเองให้พร้อมเสมอเมื่อพระเจ้าตรัสว่า “นี่คือเวลาของเรา” เมื่อนั้นเราพร้อมที่จะเดินไปกับพระองค์
7. เรียนรู้ที่จะมีความสุข “Joy of the Lord is My Strength” จากพระธรรม เนหะมีห์ บทที่ 8 ข้อ 10 ความสุขในพระเจ้าเป็นกำลังของเรา นี่คือพื้นฐานที่สำคัญของการดำเนินชีวิตคริสเตียน ผมเรียนรู้ที่จะยิ้มได้ในทุกๆปัญหาที่ถาโถมเข้าใส่ชีวิต เรี่ยนรู้ที่จะเอาความสุขในพระเจ้ามาเป็นยุทธภัณฑ์ต่อสู้กับความคิดด้านลบต่อเสียงของศัตรูที่กระซิบข้างหู ไม่ว่าเงินในบัญชีจะเหลือเท่าไร เรายิ้มและมีความสุขได้ว่า พระเจ้ายังทรงเลี้ยงดูเราเสมอ ไม่ว่าเวลาของความทุกข์จะจะยาวนาน เรายิ้มและมีความสุขได้เสมอว่า พระเจ้าจะทรงทันเวลาเสมอและเวลาของพระองค์ไม่เคยสายแต่จะเป็นเวลาที่เหมาะสมและดีที่สุดสำหรับเรา ไม่ว่าจะเกิดความสูญเสีย แต่เรายังยิ้มและมีความสุขได้ว่าความสูญเสียนั้นๆจะนำมาสู่พระพรที่ยัดสั่นแน่นพูนล้นเป็นร้อยพันเท่าทดแทนความสูญเสียที่ผ่านไปได้มากมายก่ายกอง
บทสนทนา
ไม่มีความคิดเห็น