1. “หลายสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิต” ไม่ได้อยู่ในความคิดและเป้าหมาย แต่บางสิ่งที่อยู่ในความคิดและเป้าหมาย “กลับไม่ได้เกิดขึ้น” ได้เรียนรู้ที่จะเชื่อวางใจและขอบพระคุณพระเจ้าในสิ่งที่เกินการควบคุม
2. ได้เห็น “บางคนเข้มแข็งขึ้น” ในขณะที่ “บางคนอ่อนแอลง” และได้เห็นทั้งความเข้มแข็งและความอ่อนแอของตัวเอง…เหมือนเหรียญที่มีสองด้าน ขึ้นอยู่กับว่า “ในเวลานั้นเราเห็นด้านไหน?” และเราทุกคนเหมือนคนที่วิ่งมาราธอน ตราบใดที่ยังไม่ถึงเส้นชัย ก็ยังไม่ใช่จุดตัดสินของชีวิต
3. สิ่งที่เราคิดกับคนอื่น “อาจไม่ถูกต้อง” ทั้งหมด และสิ่งที่เราทำกับคนอื่น “อาจไม่ถูกใจเขา” ก็ได้ แต่สิ่งที่คนอื่นคิดและทำต่อเรากลับมา มักเป็นบทสรุปของความสัมพันธ์ว่า “เรารักหรือรู้จักกันมากแค่ไหน?”
4. คำพูดคนอาจมีผลต่อเรา คำพูดคนอาจสร้างกำลังใจหรือบั่นทอนใจอย่างมาก
“อย่าปล่อยให้คำพูดคนมีอิทธิพลมากกว่า
คำตรัสจากพระเจ้าที่มาถึงชีวิตของเรา”
5. การรู้จักคนที่อยู่ “ต่อหน้าเรา” กับอยู่ “ลับหลังเรา” เขาอาจเป็นคนละคนกันเลย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะคงไม่มีใครพูดในสิ่งที่เขาคิดต่อหน้าเรา 100% จากใจเขา
6. ชีวิตของเราแค่ชีวิตเล็กๆ มองจากที่สูงเราตัวเล็กนิดเดียว มองจากที่ต่ำเราก็ตัวไม่ใหญ่นัก มองจากที่ราบเราก็แค่คนธรรมดา “ขอเพียงได้รับใช้พระเจ้าอย่างสัตย์ซื่อและทำให้สำเร็จ ไม่ต้องโดดเด่นแต่อย่าโดดเดี่ยวขอมีพระเจ้าทรงนำทุกวันก็อุ่นใจแล้ว”
7. 30 ปีที่เดินกับพระเจ้า มองกลับไปได้เห็นว่า “ชีวิตมีแต่ติดบวก ไม่เคยติดลบ” ไม่เคยแสวงหาด้านกายภาพแต่บางอย่างก็ได้มาเกินคาด ไม่ถึงกับไขว่คว้าหาความสุขทางใจแต่กลับมีความสุขทุกวัน อาจบอกได้มั้ยว่าการแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้าและความชอบธรรมของพระองค์ก่อน มีผลลัพธ์ให้ชีวิตติดบวกและสูงขึ้นทางเดียวโดยพระคุณอัศจรรย์
บทสนทนา
ไม่มีความคิดเห็น