บทความ

7 สิ่งที่เรียนรู้ในปี 2019 ของ เบียร์ รชต

เนื่องจากปี 2019 ผมเจออุบัติเหตุร้ายแรง รถชนจนแขนหัก นิ้วเท้าหัก ต้องพักหลายเดือน ช่วงนี้กำลังฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาปกติ แต่เหตุการณ์นี้ได้ให้แง่มุมชีวิตกับผม

1. เหตุการณ์ในชีวิตอาจเป็นผู้ถามคุณอีกครั้งว่า คุณมีความเชื่อเพียงใด
ปีที่ผ่านมาผมพบเจอเหตุการณ์มากมาย จนต้องย้อนมาทบทวนตัวเองว่า ท้ายที่สุดแล้ว ผมตั้งพระเจ้าไว้ตรงไหน และมีความเชื่อมากเพียงใด ความเชื่อเป็นดั่งลมหายใจ ทำให้ผมมีกำลังเดินหน้าต่อสู้อุปสรรคปัญหา ไม่ว่าสิ่งนั้นจะโหดร้ายเพียงใด จิตวิญญาณของผมจะยังคงยืนอยู่ท่ามกลางปัญหาที่ถล่มถาโถมเข้ามา จงมั่นคงและมีความเชื่อในพระเจ้าเสมอ

2. เข้มแข็งเพื่อเติบโต
ผมเรียนรู้ว่าต้นไม้ไม่อาจเติบโตได้โดยผ่านเพียงความอบอุ่นของแสงแดดอย่างเดียว ชีวิตคนเราเช่นกัน ล้วนต้องผ่านเรื่องดีและร้าย ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับเราล้วนมีเหตุผลมีสิ่งดีเสมอ แม้เส้นทางที่ผมเดินนั้นจะไม่ราบเรียบ ล้มบ้าง คลานบ้าง อาจมีเสียน้ำตา เจอความยากลำบาก จนบางครั้งแทบจะเดินต่อไม่ไหว แต่จงเข้มแข็งและกล้าหาญในพระเจ้า สิ่งเหล่านี้ก็เพื่อความสมบูรณ์ของการเติบโต

3. ความอดทนไม่เคยทำร้ายใคร
เราเรียนรู้จะอดทนรอคอยมากขึ้นจากเหตุการณ์ต่างๆ บางครั้งพระเจ้าก็ต้องการให้เรานิ่งสงบและอดทนรอคอยในพระองค์ เพราะหนทางของพระบิดานั้นย่อมเป็นผลดีสำหรับลูกเสมอ อย่าท้อถอย อย่าล้มเลิก และอย่าให้สิ่งใดมาสั่นคลอนความเชื่อของเรา และเราจะผ่านมันไปโดยหนทางของพระเจ้า

4. การเลือกมองไปยังคนที่พบเหตุการณ์ยากลำบากกว่าเรา มักหนุนใจเราเสมอ
ผมมักตั้งคำถามกับเหตุการณ์เลวร้ายที่เจอ และคงผ่านมันไปได้ยาก แต่เมื่อผมต้องย้ายโรงพยาบาล เจอคนไข้คนอื่นมากมายที่เขายากลำบากกว่าผม ความคิดก็เริ่มเปลี่ยน ผมกลับมาตั้งคำถามใหม่ในเรื่องเดิมว่า ทำไมเขาจึงผ่านมันมาได้ ผมเฝ้ามองคนขาขาดกำลังขึ้นบันได คนตาบอดต่อคิวพบหมอ คนเป็นใบ้ต้องสื่อสารกับงานทะเบียน คนเป็นมะเร็งบนเตียงนอน คนเป็นอัมพาตถูกแบกลงจากรถ ผู้คนเหล่านี้ล้วนผ่านช่วงเวลายากลำบากมาแล้วทั้งสิ้น ผมกลับมามองที่ตัวเองช่างดูเล็กน้อยเสียจริง แล้วทำไมผมจึงจะผ่านมันไปไม่ได้ บางครั้งมุมมองใหม่ก็ทำให้เปลี่ยนชีวิตเดิมได้

5. เมื่อเรือหนักเกินจะไปต่อไหว เราต้องเลือกทิ้งบางอย่างเพื่อให้เรือแล่นต่อไป
เหตุการณ์ในปีที่ผ่านมาย้ำเตือนผมว่า ทุกการเปลี่ยนแปลงต้องมีการแลกเปลี่ยน เมื่อผมสูญเสียร่างกาย ผมพบการทำงานของพระเจ้าในร่างกายผมอย่างอัศจรรย์ เมื่อผมสูญเสียสภาพจิตใจ ผมกลับได้รับกำลังใจจากคนรอบข้างมากกว่าเดิม ผมสูญเสียตัวตนที่อ่อนแอ แต่ผมได้รับตัวตนใหม่ที่เปี่ยมล้นด้วยประสบการณ์กับพระเจ้า ผมได้รับรู้ว่า แม้จะสูญเสียบางอย่างในชีวิตไป แต่ก็จะได้รับสิ่งใหม่จากพระเจ้าที่ดีกว่าและเหมาะสมที่สุดสำหรับผม

6. เราต่างมีคุณค่าและแสงสว่างในตัวเอง
ช่วงเวลาที่ผมเดินช้าลง กลับทำให้เห็นบางสิ่งชัดเจนขึ้น หลายครั้งเราละเลย มองข้ามคุณค่าในตัวเรา กลับไปมองที่คนอื่น แต่ผมพบว่าพระองค์รักเราในสิ่งที่เป็นเราเสมอ อย่าวัดคุณค่าของตัวเองกับผู้อื่น เพราะเราทุกคนต่างมีคุณค่าในตัวของตัวเอง

7. สิ่งที่ควบคุมได้ คือ สิ่งที่ควบคุมไม่ได้
ผมเรียนรู้ว่า ไม่มีสิ่งใดเลยที่เราควบคุมมันได้ทุกอย่าง ยิ่งควบคุมยิ่งผิดหวัง ขอให้เราวางใจและไว้ใจ ฝากสิ่งต่างๆ ในชีวิตไว้กับพระองค์ แล้ววันหนึ่งเมื่อสิ่งดีจากพระเจ้ามาถึง ทุกอย่างจะบอกเราเองว่าเพราะอะไร

 

บทความ:  รชต ตินตะโมระ
ออกแบบภาพ:  Promise

ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง