ปี 2019 ผ่านไปไวอย่างน่าตกใจ แต่ก็เพียงพอที่ทำให้เราพอได้เห็น ตกผลึก และเรียนรู้ต่อยอด เพื่อก้าวเข้าสู่ปี 2020 อย่างเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นได้
1. เรื่องของ Inner Works และ Self-Awareness กลายเป็นทักษะที่จำเป็นแล้วจริงๆ ไปไกลกว่า Soft Skill คือ Life Skill ที่กลายเป็นทักษะที่ขาดไม่ได้ไปเสียแล้ว และทักษะเหล่านี้ได้กลายเป็นสิ่งที่คนยุคหน้าที่มารอจ่ออยู่จะหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย หมดยุคของแค่ความฉลาด เก่งรอบด้าน ทำงานได้รวดเร็วเท่านั้นแล้ว แต่คนที่สามารถคุยและจัดการกับสภาวะตัวเองภายในได้ต่างหากที่จะแข็งแรง เติบโต และอยู่รอดต่อไปในยุคหน้าได้ ที่สำคัญทักษะเหล่านี้ต้องรับการฝึกฝนเรื่อยๆอย่างต่อเนื่อง และยิ่งเร็วมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี ในยุคที่คนเป็นทุกข์จากสภาวะจากภายใน โดยเฉพาะภาวะซึมเศร้าที่ทวีมากขึ้นอย่างน่าตกใจ
Instruction: มีประสบการณ์กับหลักสูตรพัฒนาตนเองจากภายใน ที่ไม่ใช่พวก Hard Skill แต่เป็นการเข้าใจตัวเองเชิงลึก ถามเพื่อนที่ชอบเรียนด้านนี้ก็ได้ หรือ Search หาก็มีอยู่มากมาย หรือถ้าอยากถามไม่รู้จะเรียนไร หรืออยากไปลองอ่านบทความแนวนี้ ก็ไปดูบทความ Life Moment ต่างๆของผมตลอดปีที่ผ่านมาได้ที่เพจ Life Ideation Co., Ltd. ยินดีแนะนำ
2. การยืดหยุ่นตัวเองได้ทำให้ชีวิตง่ายขึ้นมาก
‘Go with the Flow’ ไม่ใช่แค่คำพูดสวยหรูอีกต่อไป และก็ไม่ใช่แค่การตามน้ำไปเรื่อยๆ ด้วย แต่หมายถึงการปรับเปลี่ยนตัวเองได้ทันตั้งแต่ระดับ Mindset จากพื้นฐานระบบความคิดของตัวเอง มีความพร้อมในการเปลี่ยนแปลง การเปิดรับสิ่งใหม่ๆ เปิดโอกาสให้กับความเป็นไปได้ ให้โอกาสตัวเองได้มีประสบการณ์และเรียนรู้ ไม่ด่วนสรุปตัดสินแบบง่ายๆ บนอคติที่แข็งแรง ไม่ติดอยู่กับความเชื่อที่ไม่ส่งเสริมอีกต่อไปแล้ว และอีกมากมายสารพัด ไม่มีใครบังคับให้คุณยืดหยุ่นได้ พอๆ กับไม่มีใครบังคับให้คุณอยู่ยากขึ้นทุกวันนั่นล่ะ เพราะตัวคุณเองทั้งนั้นล้วนเป็นคนเลือกเอง
Instruction: ตั้งเป้าทำอะไรใหม่ๆ สัก 1 อย่างในเดือนมกราคมนี้ แล้วหาข้อมูลสมัคร ลงทะเบียน หรือลงตารางไปเลย เช่น เรียนเต้น ร้องเพลง วาดรูป ไปเที่ยวคนเดียว ฯลฯ ไม่ใช่ตอนนี้ก็ไม่รู้ตอนไหนแล้ว ไม่ต้องหวังผลไรมาก แค่ได้ลองอะไรใหม่ก็คุ้มแล้ว
3. ไม่ใช่ทุกความเชื่อคือความจริงอีกต่อไป และส่งเสริมเราสู่เป้าหมายชีวิต
มีหลายความเชื่อทีเดียวที่ติดฝังหัวเรามานานแสนนาน ถ่ายทอดส่งต่อกันมาตั้งแต่เด็กน้อย ตัวความเชื่อนั้นไม่ได้ถูกหรือผิดอะไร เพราะสุดท้าย ก็มีแต่ความเชื่อที่เสริมสร้างเราไปข้างหน้า ‘ในวันนี้’ หรือเปล่าต่างหาก ความเชื่อยึดติดบางอย่าง หากเราจะวางลงในวันนี้ ชีวิตเราก็ไม่ได้แย่ลงสักนิด แต่อาจจะดีขึ้นเลยทันทีก็ได้ เช่น ความเชื่อที่ต้องให้คนที่เรารักมีความสุขก่อน เราถึงจะอนุญาตให้ตัวเองมีความสุขได้ หรือ ความเชื่อว่าถ้าเราเสนอตัวทำอะไรใหม่ๆ ที่แตกต่างจากเดิม ก็จะทำให้คนหมั่นไส้เรา เป็นต้น ความเชื่อพวกนี้ ‘ไม่ใช่ความจริง’ และจะยิ่งทำให้เราติดกับวังวน อยู่กับชีวิตที่ย่ำแย่เหมือนเดิมไม่จบสิ้น มาสังคายนากันดีกว่านะ ปีใหม่ละ
Instruction: เขียน 2-3 ความเชื่อที่ไม่ใช่ความจริงเลย และก็ไม่อยากได้แล้ว แต่ยังเก็บเอาไว้อยู่ได้ทำไมก็ไม่รู้ ลงบนกระดาษชัดๆ แล้วฉีกทิ้งลงถังขยะนอกบ้าน (ย้ำว่าทิ้งนอกบ้าน)
4. ความสุขเล็กนิดเดียวก็เป็นความสุขที่ลึกล้ำได้
กระแสแห่งความสุขที่สุดล้ำต่างๆ ในโลก Social หรือในสังคมปัจจุบัน มักจะหลอกให้เราหลงเชื่อไปแล้ว ว่าความสุขต้องหน้าตาเป็นยังไง และต้องทำยังไงบ้าง ยิ่งถ้าเราห่างไกลจากการรู้จักตัวเอง ก็ยิ่งไปกันใหญ่ วันๆ ก็จะมีแต่การ Copy Paste ความสุขที่เห็นตามหน้าจอมาเป็นสิ่งกระตุ้นชีวิตของตัวเองไปวันๆ ลองกลับมามีความสุขแบบเล็กๆ แต่ลึกๆ กันบ้าง ทำอะไรง่ายๆ มีคุณภาพกับตัวเองไม่ต้องหลายอย่างมากสิ่ง ใข้เวลาอยู่กับคนที่เรารักจริงๆ และไม่ต้องคอยประกาศให้โลกรู้ทุกอย่างก็ได้ ความสุขที่อิ่มเอมเล็กๆ ลึกๆ ในใจย่อมมีความหมายลึกซึ้งและมีคุณค่ากว่าความสุขแบบ Massๆ แน่นอน ลองใช้เวลากับคนให้น้อยคนลง แต่มีคุณภาพให้มากขึ้น รักษาคนที่เห็นคุณค่าของกันและกันเอาไว้ให้ดีที่สุด และอยู่ตรงนั้นกับเขา 100% ให้ได้ แล้วคุณจะเห็นเลยว่า ที่ผ่านมามีอะไรตกหล่นไประหว่างทางมากเหลือเกิน
Instruction: ใช้เวลากับคนพิเศษโดยไม่จับมือถือเลยอย่างน้อย 1 ชั่วโมง และทำให้ได้เป็นนิสัยสม่ำเสมอ
5. Quality of Life = Quality of Relationship
สุดท้ายชีวิตของเรา ก็ขึ้นอยู่กับคุณภาพของความสัมพันธ์อยู่ดี เริ่มจากรักษาความสัมพันธ์ด้านจิตวิญญาณของตัวเรากับพระเจ้า ซึ่งถือเป็นแหล่งขุมพลังที่ลึกซึ้งและสร้างสรรค์ชีวิตที่สุด รังสรรค์ความรักของเรากับพระองค์ให้แนบแน่นสนุกสนานขึ้นทุกวัน เพื่อประโยชน์ของชีวิตเราเอง มุ่งเน้นด้านจิตวิญญาณกับพระเจ้าก่อนเป็นแกนหลัก แล้วค่อยไปต่อยอดด้านพัฒนาจิตใจ ร่างกาย และสติปัญญา ก็จะช่วยให้เราไม่เป๋ไป นอกเหนือจากนี้ คือการใส่ใจคนพิเศษในชีวิตเรา ถ้าไม่มีก็เป็นครอบครัว หรือเพื่อนที่ใกล้ชิดเราที่สุดก็ได้ เชื่อเถอะว่าไม่มีอะไรแทนมนุษย์ได้หรอก มันอาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายนักกับคน แต่ก็เป็นเรื่องที่ต้องฝึกฝนอยู่ดี
Instruction: เขียนชื่อคนสำคัญ 5 คนในปี 2020 ที่เราอยากจะใช้เวลากับพวกเขาอย่างมีคุณภาพต่อเนื่อง ช่วยกรุณาเลือกคนที่เสริมสร้างชีวิตเราจริงๆนะ คุณรู้เองอยู่แก่ใจอยู่แล้ว ว่าคือใครได้บ้าง ส่วนคนที่ไม่ได้ช่วยชีวิตคุณให้ดีขึ้น ก็ถึงเวลาขยับตัวออกห่างได้แล้วเช่นกัน
6. Past ไม่ใช่ Present ไม่ใช่ Future
ยิ่งอยู่บนโลกนาน ก็เหมือนมีโลกคู่ขนานอยู่หลายใบ เหมือนมีเรื่องราวซ้อนเรื่องราวอยู่เต็มไปหมด ประสบการณ์ต่างๆ ก็ผสมผสานเกี่ยวโยงกันอย่างน่าทึ่ง เอางี้ อดีตคือบทเรียนที่ดีที่ต้องเลือกเก็บ ไม่ใช่ทุกเรื่องที่ควรจะเก็บต่อ ถ้าไม่ได้เป็นประโยชน์ให้ชีวิตดีขึ้นก็ไม่ต้องเก็บไว้แล้ว ชีวิตต้องไปต่อกับปัจจุบัน อย่าหลงอยู่ในประสบการณ์มากมายของอดีต ที่เรามักจะเผลอตัวพูดวนไปมาสลัดไม่หลุดจากปากและความคิด หรือพร่ำเพ้อถึงอนาคตที่ไม่เคยมาถึง หัดอยู่กับปัจจุบันในแต่ละวินาทีให้เป็น อยู่แค่ตรงนี้ เดี๋ยวนี้พอ ตัดสินใจก็ให้ดีที่สุดสำหรับวินาทีนี้ ไม่มีการตัดสินใจที่ ‘รู้งี้’ หรือ ‘เสียดายว่ะ’ เพราะมีแต่จบแล้วจบเลย และเดินหน้าต่อ ชีวิตมีแค่นี้ ไม่ซับซ้อน และช่วยอย่าทำให้ซับซ้อน
Instruction: จบทุกอย่างทุกเรื่องในตัวเองให้ได้เร็วที่สุด ตั้งใจเลย ที่จะไม่บ่น ไม่ดราม่า ไม่ทุรนทุราย ไม่โทษใครแล้ว – เสียใจได้ เศร้าได้ ผิดหวังได้ แต่ต้องจบในตัวเองให้ไว ไม่ลากใครเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะเขาไม่รู้เรื่องด้วยกับโลกดราม่าของคุณ จัดการตัวเองก่อนเท่านั้น เอาให้จบ!
7. ความจริงของหลักการพระคัมภีร์ ทำให้เรามั่นใจ มีหลักยึดที่ไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ใช่ทำไรก็ได้ที่สบายใจ และไม่เดือดร้อนใครก็พอ
ขอบคุณพระเจ้าที่เรามีหลักในการยึดเป็นความจริง โลกในปัจจุบัน คนแทบจะแยกแยะความจริงของหลักการ และความจริงของตัวเองไม่ออกกันอยู่แล้ว หากปราศจากหลักการที่จริงแท้ชัดเจนของพระคัมภีร์ เราจะรู้ได้ยังไงว่าอันไหนของจริง อันไหนของเรา เพราะปัญหาที่น่าปวดหัวที่สุดคือ ของเราเท่านั้นที่เป็นของจริง และยิ่งถ้าไม่เดือดร้อนใครแล้วด้วย ก็ยิ่ง No Care โลกก็เลยเป็นอย่างที่เป็นทุกวันนี้ล่ะ ความน่าตกใจคือ มนุษย์เริ่มไม่แคร์ความจริงของหลักการกันอีกต่อไปแล้ว เพียงแค่ยึดหลัก เอาที่เราสบายใจ กับ ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ก็เพียงพอ ซึ่งพระคัมภีร์ก็เตือนเราในเรื่องนี้ชัดเจนอยู่แล้วสำหรับคนในยุคนี้ ทางเลือกเป็นของเราว่าจะสปอยตัวเองไปในความสบายใจ อย่าได้แคร์ หรือจะเลือกเชื่อฟังหลักการความจริงแม้มันไม่ถูกใจทั้งหมด เพราะอย่าลืมว่าภูมิต้านทานในจิตวิญญาณ ก็คือการไม่ได้ตามใจตัวเองทุกอย่างนั่นล่ะ แต่เรารู้ว่ามันดีและได้พึ่งพาพระเจ้าในความอ่อนแอด้วย สุดท้ายเราเองก็เป็นเหมือนกับพระเจ้ามากขึ้น ผลลัพธ์ในชีวิตก็เป็นตัวพิสูจน์สำหรับเราอยู่แล้ว ฉะนั้นหันมาใส่ใจหลักการพระคัมภีร์กันให้ชัดเจนดีกว่า ก่อนที่จะงงเบลอกับโลกไปมากกว่านี้
Instruction: ศึกษาพระคัมภีร์อย่างต่อเนื่องจริงจัง จะผ่านการเฝ้าเดี่ยว อ่านหนังสือประกอบ หรือไปลงเรียน Online ยังไงก็ได้ ที่สำคัญที่สุดคือการฟังพระวจนะให้เข้าใจถึงแก่นที่ไม่ใช่เปลือก ถ้าฟังแล้ว เรายังรู้สึกนัวๆ ปนๆ กับข้อคิดในโลกนี้ผสมกันไปหมด ก็แสดงว่ายังไม่พอแล้วล่ะ รีบเลยงั้น ก่อนที่จะช้าเกินไป
ขอให้ปี 2020 เป็นปีแห่งการเติบโตไปอีกขึ้นหนึ่งของทุกคน ทั้ง ร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ นะครับ 😉
บทความ: ณรรฐพงษ์ ผู้ภักดีวงศ์
ออกแบบภาพ: Promise
บทสนทนา
ไม่มีความคิดเห็น