1. “การได้ทำสิ่งที่พระเจ้าเรียก” จะทำให้คุณเอาชนะความเหนื่อยได้
เมื่อคุณรู้สึกเหนื่อย ลองถามตัวเองสักนิด คุณเหนื่อยกับทุกเรื่องหรือเหนื่อยกับแค่บางเรื่อง และบางเรื่องคุณก็เหนื่อยอย่างมีความสุข แต่บางเรื่องยังไม่ทันเหนื่อยก็ทุกข์ซะแล้ว การรู้เหตุผลของการมีชีวิตอยู่และรู้ว่าชีวิตของคุณสร้างคุณค่าได้มากเพียงใด จะทำให้ความเหนื่อยของคุณเต็มไปด้วยความสุข ความเหนื่อยไม่ได้หายไปไหน แต่ความสุขที่เต็มล้นจะเอาชนะความเหนื่อยได้อย่างปลิดทิ้ง
2. สุขภาพดีไม่มีขาย อยากได้ “ต้องมีวินัย”
ผมเริ่มสุขภาพไม่ดีตั้งแต่อายุขึ้นเลขสี่ และแย่ลงเรื่อยๆ ตามปีที่เพิ่มขึ้น หลายคนเป็นห่วงหายาบำรุงวิตามินเสริมมาให้ ผมกินทุกอย่างแต่ไม่ได้ผลสักอย่าง ร่างกายคงอยากบอกดังๆ ว่า “ไม่มียาวิเศษที่ไหนหรอกที่จะทำให้สุขภาพดี เจ้าต้อง กิน พักผ่อน และ ออกกำลังกายอย่างมีวินัย” ยังดีที่ผมเริ่มต้นได้ทันก่อนสิ้นปี ไม่งั้นคงไม่ได้เขียนข้อนี้ ผมเริ่มนอนเร็วและตื่นเช้ามากๆ เริ่มออกวิ่งวันแรกวันที่ 5 พฤศจิกายน วิ่งได้นิดๆ เดินอีกหน่อยๆ ก็หอบแทบขาดใจ จนถึงสิ้นปีนี้ ณ เวลานี้ วิ่งได้ต่อเนื่อง 1 ชั่วโมงเต็มแบบไม่เหนื่อยมาก และปีหน้าจะเป็นปีที่ร่างกายน่าจะฟื้นฟูและดีขึ้นอย่างชัดเจน…ซะที
3. อย่าปล่อยให้ชีวิตเป็น “ยุ้งฉางที่ว่างเปล่า”
ตั้งแต่มีอินเตอร์เน็ต มี YouTube และมีสื่อโซเชียลต่างๆ ผมรู้สึกว่าตัวเองอ่านหนังสือเป็นเล่มๆ น้อยลง ทั้งที่มีหนังสืออยู่เป็นจำนวนมากที่ห้องทำงาน แต่เปลี่ยนไปเป็นการอ่านบทความทางออนไลน์และหาความรู้จากอินเตอร์เน็ต มันก็โอเคระดับหนึ่งนะครับ แต่สุดท้าย ผมคิดว่าการได้กลับมาอ่านหนังสือเป็นเล่มๆ ก็ยังมีประโยชน์อยู่มาก ปีที่ผ่านมาก็เริ่มจัดหนังสือเพื่อจะอ่านให้จบเป็นเล่มๆ วางไว้ที่โต๊ะทำงาน ว่างเมื่อไหร่ก็จะหยิบมาอ่าน ก็ถือว่ายังไม่ได้เยอะ แต่ก็ดีกว่าหลายปีที่ผ่านมา
ปล.ปีนี้อ่านพระคัมภีร์จบหนึ่งรอบตามแผน ถือว่าสำเร็จอีกหนึ่งเรื่อง
4. ความสุขเป็นของบุคคลผู้ฟัง “คำแนะนำของภรรยา”
พระเจ้าพูดผ่านผู้รับใช้ท่านหนึ่งว่า ให้ผมฟังภรรยาเยอะๆ เพราะเธอมีสติปัญญาจากพระเจ้า นี่เป็นความจริงที่ผมเรียนรู้อย่างมากในปีนี้ ภรรยาผมเป็นคนมีสติปัญญาจากพระเจ้า มีของประทานที่พระเจ้าประทานให้เพื่อช่วยเหลือและแนะนำผู้อื่น คำแนะนำที่ดีจำนวนมากมาจากภรรยาของผม ทั้งในงานรับใช้ ในชีวิตส่วนตัว ในการแก้ไขปัญหาต่างๆ สามีครับ ไม่แน่ว่าทางแก้ของปัญหา ทางออกของทางตัน จะมาจากคำแนะนำของภรรยาของคุณครับ
5. “การรับใช้พระเจ้า” สามารถช่วยบรรเทาปัญหาของจิตใจ
คำแนะนำของหลายสำนักบอกว่า ถ้ามีปัญหาจิตใจ ซึม เศร้า เหงา เครียด ให้วางงานต่างๆ แล้วปลีกตัวไปพักผ่อน เงียบๆ นิ่งๆ สโลว์ๆ ก็ฟังดูดีนะครับ แต่สำหรับผม ปัญหาของจิตใจหลายครั้งเกิดจากการที่เรามัวแต่โฟกัสกับปัญหาของจิตใจ ไม่งงนะครับ คือถ้าเราว่างมาก ใช่ว่าจิตใจเราจะปล่อยวางจากปัญหาได้ ดังนั้นการที่ได้รับใช้พระเจ้าอย่างเหมาะสม อย่างที่เราถนัด อย่างที่เป็นตัวเรา มันจะช่วยให้เราละจากการโฟกัสตัวเองไปชั่วขณะ ถ้าคุณเชื่อว่าการให้ก่อให้เกิดความสุขยิ่งกว่าการรับ การรับใช้พระเจ้า พี่น้อง และสังคม ก็จะช่วยบรรเทาปัญหาจิตใจของคุณได้ไม่มากก็น้อย
6. ความมั่นคงของงานพระเจ้าอยู่ที่คนรุ่นถัดไป “จงเตรียมพร้อมที่จะจากไป”
สำหรับคนวัยสี่สิบปลายอย่างผม ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าเริ่มต้นคิดได้แล้วว่างานทั้งหลายทั้งปวงที่ทำอยู่ ใครจะเป็นผู้สานต่อ ใครจะรับช่วง ใครๆๆๆๆ ต้องหาให้เจอ และเริ่มต้นสร้างพวกเขา พาพวกเขาให้มาอยู่รายล้อมชีวิตของคุณ สอนพวกเขาด้วยแบบอย่างชีวิต ให้เขาได้รู้ทั้ง “ทำไม” และ “อย่างไร” อดทนกับพวกเขา มอบหมายงานและคอยอยู่เคียงข้าง ห่างๆ อย่างห่วงๆ ถ้าพวกเขาผิดก็อย่าไปซ้ำเติม แต่เปลี่ยนเป็นโอกาสได้พาพวกเขาโตขึ้นไปอีกระดับ
7. “ม้าจะลากของไม่ได้ ขณะที่มันกำลังเตะ” คนเราถ้าไม่ควบคุมอารมณ์ก็จะทำอะไรสำเร็จไม่ได้
สุภาษิตโบราณนี้ผมชอบมาก ก็จริงครับ ถ้าเรามัวแต่หัวฟัดหัวเหวี่ยง โกรธไปเรื่อย บ่นไปเรื่อย กัดไปเรื่อย เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ผีเข้าผีออก แล้วจะเอาสมาธิที่ไหนจดจ่อกับงาน จะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนทำให้สิ่งต่างๆ สำเร็จ และที่สำคัญ จะมีใครครับที่ชอบคนแบบนี้ อยู่ใกล้ๆ ยังไม่อยากอยู่ด้วยเลย อารมณ์ที่ต้องคุมไม่ใช่แค่โกรธนะครับ ต้องคุมทั้งอารมณ์ดีใจ เสียใจ ผิดหวัง สมหวัง ตื่นเต้น หดหู่ จะทำงานใหญ่ จิตใจต้องนิ่ง
บทความ: ศจ.ศรัณย์ ลีฬหเกรียงไกร
ออกแบบภาพ: Promise
บทสนทนา
ไม่มีความคิดเห็น