บทความ

7 วิธีรับมือเวลาอธิษฐานแล้วชอบใจลอย

ผมตั้งใจว่าปีนี้จะอธิษฐานมากขึ้น แม้จะรู้ว่าการอธิษฐานนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย บ่อยครั้งผมนั่งลงอธิษฐานด้วยความตั้งใจสุดๆ แต่อีกไม่กี่นาทีต่อมา ใจผมก็ล่องลอยไปอยู่กับเรื่องที่พูดคุยเมื่อวาน การประชุมในวันรุ่งขึ้น หรือวันหยุดพักร้อนสัปดาห์หน้า

พวกเราส่วนใหญ่ต่างยอมรับว่าเคยผ่านประสบการณ์แบบนี้มาก่อน
ส่วนพวกที่เหลือที่ไม่ยอมรับว่าเคย แสดงว่าคุณกำลังโกหกอยู่!

อาการใจลอยหรือจิตใจวอกแวกนั้นเป็นอุปสรรคใหญ่มากในชีวิตอธิษฐานของเรา แต่ผมก็พบว่าอุปสรรคนี้ได้สร้างโอกาสที่ช่วยทำให้เรามีชีวิตอธิษฐานที่เติบโตขึ้นได้เช่นกัน และนี่คือ 7 วิธีที่ช่วยให้เราต่อสู้และควบคุมความใจลอยเพื่อเราจะลงลึกและจดจ่อกับการอธิษฐานได้มากขึ้น

1. อธิษฐานตามข้อพระคัมภีร์ – Pray with Scripture

ผมเคยได้ยินจากที่ไหนสักที่ว่า พระคัมภีร์สอนเราให้อธิษฐานในแบบเดียวกับที่แม่สอนลูกให้พูดเป็น พระเจ้าพูดกับเราผ่านทางพระวจนะของพระองค์ จากนั้นเราก็เริ่มพูดตอบกลับพระองค์ไป มันคือแบบเดียวกับที่เด็กๆ ฟังพ่อแม่และก็เริ่มตอบสนองกลับไป ผมเองเป็นพ่อของลูกวัยย่างเข้า 3 ขวบ เป็นวัยที่กำลังพูดเก่งขึ้นเรื่อยๆ และหลายครั้งก็มักพูดอะไรที่ตลกมากๆ นี่จึงเป็นภาพตัวอย่างที่สะท้อนมาสู่ตัวผม ทำให้ผมพบว่ามันเป็นจริงในชีวิตการอธิษฐานของผมด้วย

ประเด็นภาพเปรียบเทียบนี้คือ ไม่มีใครเลยสักคนที่เกิดมาแล้วพูดได้เอง ฉะนั้นจึงไม่มีใครเลยเช่นกันที่รู้เองว่าต้องอธิษฐานยังไง เราจึงจำเป็นต้อง “เรียนรู้” ว่าจะอธิษฐานยังไง และบ่อยครั้งเราเรียนรู้ด้วยการสังเกตและเลียนแบบมากกว่าเรียนรู้ด้วยข้อแนะนำที่เป็นขั้นตอน

เมื่อผมได้ดูในพระคัมภีร์เพื่อจะพัฒนาชีวิตอธิษฐานของผมให้เติบโตขึ้น ผมไม่ได้พบเพียงแค่เนื้อหาในสิ่งที่ผมต้องการอยู่เท่านั้น แต่พระคัมภีร์ได้ช่วยปลูกฝังบ่มเพาะแรงกระตุ้นและความหิวกระหายที่มาช่วยสนับสนุนเสริมสร้างการอธิษฐานของผมให้มั่นคงขึ้นด้วย

มีหลายเรื่องในพระคัมภีร์ที่ความเป็นมนุษย์ของผมไม่เคยคิดจะอธิษฐานขอจากพระเจ้า เช่น ผมมักไม่อธิษฐานขอความกล้าหาญเมื่อต้องเผชิญหน้ากับการถูกข่มเหง (กิจการ 4:29) ผมไม่ร้องคร่ำครวญอย่างเศร้าโศกเพื่อพระเกียรติพระสิริและแผนการช่วยกู้ของพระเจ้า (เนหะมีย์ 1:5-11) ผมไม่เคยอธิษฐานแบบว่า “ขอทรงสอนข้าพระองค์ทั้งหลายให้นับวันของตน เพื่อพวกข้าพระองค์จะมีจิตใจที่มีปัญญา” (สดุดี 90:12)

แต่พระคัมภีร์ก็ได้ตีสอนเพราะความตื้นเขินและการอธิษฐานที่มุ่งเน้นแต่ตัวผมเองครั้งแล้วครั้งเล่า และยกผมให้ขึ้นไปสู่ระดับการอธิษฐานที่สูงส่งกว่า นั่นคือเพื่อพระสิริพระเจ้า เพื่อคริสตจักร เพื่อสิ่งที่เป็นนิรันดร์ และเพื่อการเผยแพร่ข่าวประเสริฐ

นี่คือตัวอย่างของการอธิษฐานตามแบบพระคัมภีร์ที่คุ้มค่าในการใคร่ครวญเพื่อทำให้ความคิดและใจเราจดจ่อได้มากขึ้น

  • เนหะมีย์ 1:5–11: คำอธิษฐานของเนหะมีย์เมื่อเขาได้ยินว่ากำแพงเมืองของกรุงเยรูซาเล็มถูกทำลายและถูกไฟเผา
    ดาเนียล 9:1–19: คำอธิษฐานของดาเนียลเพื่อประชากรของพระเจ้าระหว่างตกเป็นเชลย
  • 2 พงศาวดาร 20:1–12: คำอธิษฐานของเยโฮชาฟัทเพื่อขอการช่วยกู้จากการโจมตีของศัตรู
  • เอเฟซัส 3:14–21: คำอธิษฐานของเปาโลเพื่อให้เข้มแข็งฝ่ายจิตวิญญาณและให้ซาบซึ้งถึงความรักพระคริสต์
  • มัทธิว 6:9–13: คำอธิษฐานที่พระเยซูคริสต์ตรัสสอน (ถือเป็นตอนหนึ่งที่ดีมากในการเริ่มต้นอธิษฐาน)

2. เขียนคำอธิษฐานออกมา – Pray with a Pen

ผมพบว่าบางครั้งการเขียนคำอธิษฐานออกมามีประโยชน์ การเขียนคำอธิษฐานนั้นไม่ควรนำมาใช้ทดแทนการอธิษฐานออกเสียงหรืออธิษฐานในใจ – แต่ผมพบว่าวีธีนี้มีประสิทธิภาพมากๆ เป็นตัวช่วยส่งเสริมการอธิษฐานของเรา การเขียนคำอธิษฐานนั้นเป็นเหมือนการฝึกวินัยความคิดและความตั้งใจที่บ่อยครั้งการสื่อสารด้วยคำพูดมักทำไม่ได้ การเขียนนั้นทำให้เราถูกรบกวนได้น้อยลง และมันยังช่วยให้คุณมีความเจาะจงและจัดลำดับในคำอธิษฐานได้ดียิ่งขึ้น

ประโยชน์อีกอย่างของการเขียนคำอธิษฐานก็คือ แม้ผ่านไปหลายปี คุณยังสามารถย้อนกลับมาดู ได้ว่าพระเจ้าทรงตอบคำอธิษฐานคุณอย่างไร และจากประสบการณ์ ผมพบว่าวิธีนี้มักจะช่วยเปลี่ยนแปลงคำอธิษฐานของคุณด้วย

3. อธิษฐานด้วยการอดอาหาร – Pray with Fasting

ทั้ง “การอธิษฐาน” และ “การอดอาหาร” ต่างก็เป็นเรื่องที่ดีต่อสุขภาพในตัวมันเองอยู่แล้ว แต่เมื่อทำร่วมกันก็จะยิ่งดีมากขึ้นอีก อาหารหิวเมื่อท้องว่างส่งสัญญาณเตือนให้คุณต้องอธิษฐาน “ขอพระองค์โปรดทำให้จิตวิญญาณข้าพระองค์ได้อิ่มเอม” และเมื่อเราจริงจังในการอธิษฐาน มันช่วยให้เรารับมือกับความหิวโหยได้ดีขึ้น

มีสิ่งหนึ่งที่ผมต้องงด ก็คือ โซเชียลมีเดีย เพราะโซเชียลมีเดียมันเปลี่ยนแปลงระบบการทำงานในสมองเรา มันช่วยทำให้ข้อมูลในหัวเราวิ่งเร็วขึ้น จนทำให้ความคิดความรู้สึกเรายุ่งเหยิงสับสน และลดทอนความสามารถในการทำจิตใจของเราให้สงบ การใคร่ครวญ การสำรวจตัวเอง การสงบนิ่ง มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่คุณเพิ่งจะไถดู Facebook หรือ Twitter เป็นชั่วโมงแล้วก็เปลี่ยนมาสงบนิ่งอยู่ต่อหน้าพระพักตร์ได้ในทันที

ตัวอย่างที่ดีคือเมื่อพระเยซูอธิษฐาน บ่อยครั้งที่พระองค์ออกไปหา “ที่สงบ” (มาระโก 1:35) เราจำเป็นต้องทำตามอย่างพระเยซู คือบ่มเพาะนิสัยแห่งการปลีกวิเวก อุปนิสัยแห่งการเงียบสงบจำเพาะพระพักตร์พระเจ้า เราไม่ต้องแปลกใจหากสมาธิเรามักกระเจิดกระเจิงและหลุดลอยไปเวลาอธิษฐาน เพราะถ้าตัวเราเองก็เต็มด้วยความวุ่นวายและถูกรบกวนตลอดทั้งวันอยู่แล้ว

4. อธิษฐานร่วมกัน – Pray with People

ทั้ง “การอธิษฐานส่วนตัว” และ “การอธิษฐานด้วยกัน” ต่างเป็นเชื้อเพลิงที่เติมพลังให้แก่กันและกัน (เช่นเดียวกับที่การอธิษฐานทำงานร่วมกับการอดอาหารในข้อที่แล้ว) การที่มีคนมาร่วมอธิษฐานด้วยกันนั้นจะก่อพลังอันมหาศาล ก็ต่อเมื่อเราต่างมีชีวิตอธิษฐานส่วนตัวกันอยู่แล้ว และเมื่อที่เราได้เห็นการทำงานของพระเจ้าในคำอธิษฐานของผู้อื่นนั้น นั่นก็จะช่วยหนุนใจและเป็นแนวทางให้กับชีวิตอธิษฐานส่วนตัวของเราด้วยเช่นกัน

เมื่ออธิษฐานร่วมกับคนอื่นนั้นไม่เพียงช่วยให้เราไม่ค่อยใจลอย แต่พระคริสต์ยังทรงสัญญาว่าจะทรงฟังและตอบคำร้องทูลและทรงสถิตอยู่ด้วย (มัทธิว 18:19-20) เมื่อ “สองหรือสามคน” อยู่ร่วมกันในพระนามของพระองค์

5. กำหนดธีมให้คำอธิษฐาน – Pray with Purpose

เรามีโอกาสใจลอยได้มากขึ้นเมื่อเป้าเราไม่ชัดเจน ไม่แน่นอน คลุมเครือ หรือไม่ได้กำหนดอะไรให้เป็นรูปเป็นร่าง ผมพบว่าตัวเองรักษาความจดจ่อได้ดีเมื่อผมได้กำหนดธีมหรือทิศทางคำอธิษฐานที่เจาะจง ตัวอย่างที่เกิดขึ้นคือ ผมลองวางหัวข้อคำอธิษฐานให้เกี่ยวข้องกับพระลักษณะพระเจ้าด้านหนึ่งอย่างเจาะจง เช่น “พระเจ้าครับ วันนี้ลูกได้เห็นความสัตย์ซื่อของพระองค์ผ่านเหตุการณ์…” หรือผมอาจมุ่งเป้าที่ความสนใจสักเรื่องของผม เช่น “พระบิดา ช่วงนี้ลูกรู้สึกว่า จิตใจของลูกเย็นชาลง นั่นเพราะว่า…”

เมื่อเรามีธีมหรือมีการกำหนดแนวทางคำอธิษฐานให้ชัดเจน จะช่วยให้เราวอกแวกหรือใจลอยได้ยากขึ้น

ฉะนั้นหากคุณกำลังถูกรบกวนด้วยบางเรื่องซ้ำๆ คุณก็สามารถเอาเรื่องที่ถูกรบกวนนี้มาอธิษฐานอย่างเจาะจงได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตามที่ปั่นป่วนจิตใจคุณ เปลี่ยนสิ่งที่รบกวนนี้ให้เป็นโอกาส ใช้ประโยชน์ด้วยการยึดเอาเรื่องนี้ไว้ในความคิดและจิตใจคุณผ่านการอธิษฐาน เช่น “พระเจ้า วันนี้ลูกรู้สึกว่าถูกรบกวนจากเรื่อง…….. ลูกขอมอบเรื่องเหล่านี้ไว้กับพระองค์…..”

6. เปิดเผยอารมณ์ผ่านคำอธิษฐาน – Pray with Emotion

มีความคิดแย่ๆ ที่กำลังหลอกตัวเราอยู่ นั่นคือความพยายามที่จะควบคุมอารมณ์ความรู้สึกให้เป็นไปตามความคิดว่าเราควรรู้สึกแบบนี้ เพราะมันดูแย่ที่จะปล่อยให้อารมณ์ความรู้สึกมามีอำนาจเหนือความตั้งใจของเรา แต่มันมีวิธีที่เราจะเป็นฝ่ายจัดการกับอารมณ์ของเราอย่างเหมาะสม (ซึ่งดีกว่าปล่อยให้ตัวเราตอบสนองไปตามอารมณ์ความรู้สึก) และยังสามารถช่วยเราต่อสู้สิ่งที่มารบกวนได้

กษัตริย์ดาวิดคือตัวอย่างของการเปิดเผยอารมณ์ของตัวเอง “จิตใจของข้าเอ๋ย ไฉนเจ้าจึงฝ่ออยู่? ไฉนเจ้าจึงกระสับกระส่ายอยู่ภายใน? (สดุดี 42:5) เขาพยายามเข้าไปข้างในอารมณ์ของตัวเอง “และทั้งสิ้นที่อยู่ภายในข้า จงถวายสาธุการแด่พระนามบริสุทธิ์ของพระองค์” (สดุดี 103:1) และเขาให้เหตุผลกับอารมณ์ของตัวเองได้ด้วย “พระยาห์เวห์ทรงเป็นความสว่างและความรอดของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะกลัวผู้ใดเล่า?”

มีอารมณ์ความรู้สึกอะไรบ้างที่รบกวนคุณอยู่ ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกเบื่อหน่าย รู้สึกกลุ้มใจ กังวลใจ? ให้อธิษฐานเปิดเผยความรู้สึกเหล่านี้เหมือนดาวิด และเข้าไปยอมรับและเผชิญหน้ากับอารมณ์ความรู้สึกนั้นด้วยความจริงของพระเจ้า

7. ยึดข่าวประเสริฐเป็นกรอบคำอธิษฐาน – Pray with the Gospel

ครั้งหนึ่งสเปอร์เจียนเคยแนะนำแก่นักเทศน์ทั้งหลายว่า ถ้าหากพวกเขาลืมว่าเทศน์ถึงตรงไหนแล้ว หรือไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อไป ให้พูดตรงเข้าไปสู่ข่าวประเสริฐเลย นั่นเป็นการตอบสนองที่ดี และผมเชื่อว่ามันจะช่วยในเรื่องอธิษฐานของผมได้เช่นกัน ถ้าหากว่าวิธีอื่นๆ ที่กล่าวมายังช่วยไม่ได้ คุณยังมีอาการใจลอยถูกรบกวนอยู่ ให้วกกลับไปสู่ความจริงของข่าวประเสริฐ ซึ่งผมมักพบว่าเป็นประโยชน์มากที่อธิษฐานบนกรอบความคิดนี้

  1. ข้าแต่พระเจ้า ไม่มีที่ใดที่ข้าพระองค์อยากไปหากปราศจากพระองค์
  2. ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ต้องการอยู่ในพระองค์ที่นี่เวลานี้
  3. ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงยอมทนทุกข์เพื่อทำสิ่งเหล่านี้แก่ข้าพระองค์

ในความเป็นพระกิตติคุณนั่นมันดึงดูดใจเสมอ น่าเกรงขาม เต็มด้วยพลังอัศจรรย์ พระเยซูปลดเปลื้องเราจากบาป ความตาย และความพินาศนิรันดร์ ทรงรับเราเข้าเป็นลูกในครอบครัวนิรันดร์ ทรงคลุมเราด้วยเสื้อแห่งความชอบธรรม และเชื้อเชิญเราเข้าส่วนในพระสิริของพระองค์ สิ่งที่พระองค์ทรงทำเหล่านี้จ่ายด้วยราคาที่ประเมินค่าไม่ได้ นั่นคือพระโลหิตที่ค่อยๆ หลั่งออกมาจากร่างกาย จนพระองค์จมลงสู่ความมรณาและปราชัย ในขณะที่เพื่อนต่างหนีพระองค์ไป และศัตรูต่างหัวเราะเยาะเย้ย และความรักระหว่างพระบิดากับพระบุตรซึ่งมีมาโดยตลอด ถูกแยกขาดจากกันเป็นครั้งแรกในนิรันดร์กาล

มันคงยากที่ใจเราจะเหม่อลอย เมื่อเวลาที่ความคิดจิตใจเราจดจ่ออยู่กับความจริงยิ่งใหญ่เรื่องนรก สวรรค์ และที่กางเขน จงให้ความรักและพระคุณเป็นดั่งดวงดาวที่นำทางชีวิตอธิษฐานของคุณ และมันจะช่วยคุณต่อสู้กับสิ่งที่มารบกวนใจคุณได้

 

บทความ:  7 Ways to Fight Distraction in Prayer, Gavin Ortlund
แปลและเรียบเรียง:  Ik Q / JK
ภาพ:  Caleb George on Unsplash
ออกแบบ:  Nan Tharinee

ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง