(1) กฎที่ใหญ่ที่สุดคือเมื่อมนุษย์ทำบาป มนุษย์เสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า และตายทั้งฝ่ายวิญญาณและฝ่ายร่างกาย ดังนั้นทุกคนเมื่อเกิดและเติบโต ชีวิตเขาจะค่อยๆ ไปสู่ความตายในที่สุด
แต่ผลของต้นไม้แห่งการรู้ถึงความดีและความชั่วนั้น ห้ามเจ้ากิน เพราะในวันใดที่เจ้ากิน เจ้าจะต้องตายแน่ – ปฐมกาล 2:17 –
เพราะเหตุนี้ บาปได้เข้ามาในโลกเพราะคนๆ เดียว และความตายก็เกิดมาเพราะบาปนั้น และความตายก็ได้แผ่ไปถึงมวลมนุษย์ทุกคน เพราะมนุษย์ทุกคนทำบาป – โรม 5:12 –
(2) โรคภัยไข้เจ็บเป็นสัญญาณของความเสื่อมถอยของมนุษย์ ในที่สุดจบลงด้วยความตายซึ่งเป็นผลของความบาป
รวมอายุของอาดัมได้ 930 ปี จึงสิ้นชีวิต – ปฐมกาล 5:5 –
(3) มารใช้ความตายเป็นข้ออ้างเพื่อทิ่มแทงจิตใจของมนุษย์ “เหมือนเหล็กใน” ให้หมดสิ้นความหวังในชีวิต
โอ ความตาย ชัยชนะของเจ้าอยู่ที่ไหน? โอ ความตาย เหล็กในของเจ้าอยู่ที่ไหน?”เหล็กในของความตายนั้นคือบาป และอำนาจของบาปคือธรรมบัญญัติ – 1 โครินธ์ 15:55-56 –
(4) ความเจ็บไข้หรือการหายโรคโดยการฟื้นฟูของร่างกายเป็นเรื่องปกติในธรรมชาติมนุษย์
อายุขัยของข้าพระองค์ทั้งหลายคือเจ็ดสิบ หรือหากแข็งแรงก็ถึงแปดสิบ แต่ช่วงชีวิตนั้นมีแต่ความลำบากและความเศร้าโศก ไม่ช้าก็สูญไปและพวกข้าพระองค์ก็จากไป – สดุดี 90:10 –
(5) พระเจ้าประทานสติปัญญาให้แก่มนุษย์ และมนุษย์ได้ใช้สติปัญญาในทุกเรื่องรวมถึงเรื่องการฟื้นฟูสุขภาพร่างกายจนเป็นเทคโนโลยีทางการแพทย์ในเวลาต่อมา
อย่าดื่มแต่เพียงน้ำอีกต่อไป จงใช้เหล้าองุ่นบ้างเล็กน้อย เพื่อประโยชน์กับกระเพาะอาหารของท่าน และโรคที่ท่านเป็นอยู่บ่อยๆ – 1 ทิโมธี 5:23 –
เข้าไปหาเขาเอาผ้าพันบาดแผลให้พลางเอาน้ำมันกับเหล้าองุ่นเทใส่บาดแผลนั้น แล้วให้เขาขึ้นขี่สัตว์ของตนเอง พามาถึงโรงแรมแห่งหนึ่ง และรักษาพยาบาลเขาไว้ วันรุ่งขึ้นเมื่อจะไป เขาก็เอาเงินสองเดนาริอันมอบให้เจ้าของโรงแรม บอกว่า ‘จงรักษาเขาไว้เถิด และเงินที่จะเสียเกินนี้ เมื่อกลับมาฉันจะใช้ให้’ – ลูกา 10:34-35 –
(6) พระเจ้าสามารถแทรกแซงธรรมชาติของมนุษย์ในเรื่องความป่วยไข้หรือการหายโรค ไม่ว่าโดยธรรมชาติ โดยการอัศจรรย์ หรือโดยสติปัญญาของมนุษย์ และการแทรกแซงของพระเจ้าในเรื่องสุขภาพไม่ว่าจะให้ “เป็นโรค” หรือ “หายโรค” ต่างมุ่งไปที่การถวายเกียรติพระเจ้าได้มากขึ้นไม่ว่าจะผ่านบทเรียนจากการเป็นโรคซึ่งต้อง “กลับใจ” หรือต้อง “เปลี่ยนพฤติกรรมชีวิต” หรือผ่านการหายโรค “โดยพระคุณพิเศษ”
ขณะพระองค์เสด็จไปนั้น ทรงเห็นชายคนหนึ่งตาบอดแต่กำเนิด พวกสาวกของพระองค์ทูลถามพระองค์ว่า “พระอาจารย์ ใครทำบาป คนนี้หรือพ่อแม่ของเขา เขาถึงเกิดมาตาบอด?” พระเยซูตรัสตอบว่า “ไม่ใช่คนนี้หรือพ่อแม่ของเขาที่ทำบาป แต่เขาเกิดมาตาบอดเพื่อให้พระราชกิจของพระเจ้าปรากฏในตัวเขา – ยอห์น 9:1-3 –
อย่าดื่มแต่เพียงน้ำอีกต่อไป จงใช้เหล้าองุ่นบ้างเล็กน้อย เพื่อประโยชน์กับกระเพาะอาหารของท่าน และโรคที่ท่านเป็นอยู่บ่อยๆ – 1 ทิโมธี 5:23 –
เมื่อเมฆลอยพ้นเต็นท์ไป ดูสิ มิเรียมก็เป็นโรคเรื้อนขาวเหมือนหิมะ อาโรนหันไปดูมิเรียม และนี่แน่ะ นางเป็นโรคเรื้อน – กันดารวิถี 12:10 –
ท่านจึงลงไปจุ่มตัวเจ็ดครั้งในแม่น้ำจอร์แดน ตามถ้อยคำของคนของพระเจ้า และเนื้อของท่านก็กลับคืนเป็นอย่างเนื้อของเด็กเล็ก และท่านก็สะอาด แล้วท่านก็กลับมาหาคนของพระเจ้า ทั้งตัวท่านและพรรคพวกของท่าน และท่านมายืนอยู่ต่อหน้าเอลีชาและกล่าวว่า “ดูสิ ข้าพเจ้ารู้แล้วว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใด ไม่ว่าที่ไหนในโลก นอกจากในอิสราเอล เพราะฉะนั้น บัดนี้โปรดรับของกำนัลจากผู้รับใช้ของท่านเถิด” – 2 พงศ์กษัตริย์ 5:14-15 –
เพราะพระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า “นี่แน่ะ เราจะเหวี่ยงชาวแผ่นดินออกไปเสีย ณ เวลานี้ และเราจะนำความทุกข์ใจมาถึงเขาเพื่อให้เขารู้สึก” วิบัติแก่ข้าพเจ้า เพราะความเจ็บปวดของข้าพเจ้า บาดแผลของข้าพเจ้าก็สาหัส แต่ข้าพเจ้าเคยว่า “แท้จริงนี่เป็นความเจ็บป่วย และข้าพเจ้าจะต้องทนเอา” – เยเรมีย์ 10:18-19 –
(7) พระคัมภีร์เดิมและพระคัมภีร์ใหม่บางข้อกล่าวถึงการหายดีจากการถูกตี บาดเจ็บ ซึ่งหมายถึงการช่วยกู้จากพระเจ้าเนื่องจากกลับใจใหม่กลับมาติดตามพระเจ้าอย่างสุดใจมากกว่าจะแปลตรงตัวว่าเป็นการหายจากโรคในกายภาพ และหลายครั้งพระคัมภีร์เดิมพูดไกลไปถึงการช่วยกู้ในวาระสุดท้ายที่ทุกคนได้รับกายใหม่ซึ่งไม่เจ็บป่วยอีกต่อไป
นี่แน่ะ เราจะนำการเยียวยา และการรักษามาให้ และเราจะรักษาเขาทั้งหลายให้หายและเผยสวัสดิภาพและความมั่นคงอย่างอุดม เราจะให้ยูดาห์และอิสราเอลกลับสู่สภาพเดิม และสร้างเขาทั้งหลายใหม่อย่างที่เขาเป็นมาแต่เดิมนั้น – เยเรมีย์ 33:6-7 –
พระคัมภีร์ใหม่ได้มองไปถึงยุคที่ไม่มีความตายอีกต่อไปในสวรรค์
พระเจ้าจะทรงเช็ดน้ำตาทุกๆ หยดจากตาของเขาทั้งหลาย และความตายจะไม่มีอีกต่อไป ความโศกเศร้า การร้องไห้ และการเจ็บปวดจะไม่มีอีกต่อไป เพราะยุคเดิมนั้นผ่านไปแล้ว” – วิวรณ์ 21:4 –
(8) พระเยซูและสาวก วางมือรักษาโรคคนเจ็บป่วย คนมีผีสิง เป็นการแทรกแซงพิเศษของพระเจ้าเพื่อประโยชน์สูงสุดในฝ่ายวิญญาณคือนำคนมาถึงความรอดและเป็นการอวยพรพิเศษของพระเจ้า
พระเยซูได้เสด็จไปทั่วแคว้นกาลิลี ทรงสั่งสอนในธรรมศาลาของพวกเขา ทรงประกาศข่าวประเสริฐเรื่องแผ่นดินของพระเจ้า และทรงรักษาบรรดาโรคภัยไข้เจ็บของชาวเมืองให้หาย – มัทธิว 4:23 –
การอธิษฐานด้วยความเชื่อจะรักษาผู้ป่วยให้หายโรค และองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงให้เขาลุกขึ้นได้ และถ้าเขาเคยทำบาป พระองค์ก็จะทรงให้อภัย เพราะฉะนั้นท่านจงสารภาพบาปต่อกันและกัน และจงอธิษฐานเผื่อกันและกัน เพื่อท่านทั้งหลายจะได้รับการรักษาโรค คำวิงวอนของผู้ชอบธรรมนั้นมีพลังมากและเกิดผล – ยากอบ 5:15-16 –
(9) การหายโรคอย่างการอัศจรรย์ในจดหมายฝากเกิดขึ้นเพราะฤทธิ์เดชของพระวิญญาณฯ โดยการอธิษฐานของผู้เชื่อ และเราพบว่าผู้รับการอธิษฐานที่มีความเชื่อจะเห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า อย่างไรก็ตามยังต้องเปิดใจให้ทุกอย่างเป็นไปตามน้ำพระทัยพระเจ้า
คนนั้นนั่งฟังเปาโลพูดอยู่ เปาโลจึงจ้องดูเขา เห็นว่ามีความเชื่อพอที่จะได้รับการรักษาโรค จึงร้องสั่งด้วยเสียงดังว่า “จงลุกขึ้นยืนตรง” คนง่อยนั้นก็กระโดดขึ้นและเดินไป – กิจการของอัครทูต 14:9-10 –
พระเจ้าทรงตั้งบางคนไว้ในคริสตจักร คือหนึ่ง บรรดาอัครทูต สอง บรรดาผู้เผยพระวจนะ สาม บรรดาอาจารย์ ต่อจากนั้น ผู้ทำการด้วยฤทธานุภาพ ต่อจากนั้น ของประทานในการรักษาโรค พวกที่ให้ความช่วยเหลือ พวกผู้นำและพวกที่รู้ภาษาแปลกๆ – 1 โครินธ์ 12:28 –
เพราะฉะนั้นท่านจงสารภาพบาปต่อกันและกัน และจงอธิษฐานเผื่อกันและกัน เพื่อท่านทั้งหลายจะได้รับการรักษาโรค คำวิงวอนของผู้ชอบธรรมนั้นมีพลังมากและเกิดผล – ยากอบ 5:16 –
โดยสรุปคือการอธิษฐานเผื่อผู้ป่วยด้วยความเชื่อเป็นการทำส่วนของเราที่ฝากผู้ป่วยไว้ในพระประสงค์พระเจ้าและยอมรับในเอกสิทธิ์ของพระองค์ในการรักษา ซึ่งความจริงเราอาจะพบว่าหลายครั้งเมื่อวางมืออธิษฐานเผื่อผู้ป่วยมีบางคนดีขึ้น และบางคนก็ยังไม่เห็นอะไรเกิดขึ้น
ผมถือว่าเป็นสิ่งดีแล้ว เพราะผู้นำไม่ใช่ผู้วิเศษ หากเขาแสวงหาพระเจ้า หลายครั้งเขาจะเข้าใจพระประสงค์ของพระองค์และยอมรับในเอกสิทธิ์การรักษาจากพระเจ้า เพราะพระเจ้าจะไม่เป็นจริงมากขึ้นหรือน้อยลงจากการตัดสินของมนุษย์หรือการอัศจรรย์ใดใด แต่ผมขอบคุณพระเจ้าที่ตลอดเส้นทางแห่งความเชื่อผมได้เห็นกับตาว่ามีบางคนหายโรคทันทีอย่างอัศจรรย์
บทความ: กนก ลีฬหเกรียงไกร
ออกแบบภาพ: mantana
บทสนทนา
ไม่มีความคิดเห็น