“เริ่มต้นดี มีชัยไปกว่าครึ่ง”
หลายคนคงคุ้นเคยกับประโยคนี้ และหลายคนคงเห็นด้วยอยู่ในใจว่าประโยคนี้เป็นเรื่องจริง อะไรก็ตามที่เริ่มต้นได้อย่างถูกต้อง มักจบลงอย่างถูกต้องด้วยเช่นกัน ถ้าเราติดกระดุมเสื้อเม็ดแรกถูกต้อง เม็ดต่อๆ ไปก็จะถูกต้องด้วย หญิงชายที่เริ่มต้นชีวิตรักอย่างถูกต้อง ไม่ชิงสุกก่อนห่าม ก็มักลงเอยด้วยการแต่งงานที่สวยงามและมีครอบครัวที่มีความสุข หรือแม้แต่บุคคลในพระคัมภีร์ที่เป็นตัวอย่างของความสำเร็จในชีวิต ก็ล้วนแต่มีจุดเริ่มต้นที่น่าสนใจและน่าชื่นชมทั้งสิ้น โมเสสเริ่มต้นชีวิตของการเป็นผู้นำอิสราเอลด้วยความเป็นเจ้าชายหนุ่มที่มีความรักและหวงแหนชนชาติของพระเจ้า โยเซฟนักฝันที่ต่อมาได้กลายเป็นนายกรัฐมนตรีของอียิปต์ เริ่มต้นชีวิตด้วยการเป็นนักฝันที่ไม่ยอมให้ใครมาขโมยนิมิตที่พระเจ้าประทานให้ไปจากตน เปาโลอัครทูตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์คริสตจักร ก็เริ่มต้นพลิกชีวิตการรับใช้ด้วยความร้อนรนในการประกาศพระนามพระเยซูในทันทีที่ได้รับรู้ความจริงที่ตนเคยเข้าใจผิดมาโดยตลอด
มีคำแนะนำเล็กน้อยๆ เกี่ยวกับการเริ่มต้นชีวิตที่ถูกต้อง ที่ขอมอบให้ผู้อ่านทุกท่าน และหวังว่าจะเป็นข้อคิดที่เป็นประโยชน์บ้าง ไม่มากก็น้อย
ราก และ ผล
พระเยซูตรัสใน มัทธิว 7:16-18 ว่า “ท่านรู้จักเขาได้ด้วยผลของเขา….ต้นไม้ดีจะเกิดผลเลยไม่ได้ หรือต้นไม้เลวจะเกิดผลดีก็ไม่ได้” สิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตเรา เป็นผลจากรากฐานชีวิตที่เราเป็น การใช้ชีวิตของเรา สะท้อนท่าทีในใจและตัวตนที่แท้จริงของเรา และหากเรียกความสำเร็จในชีวิตว่าเป็น “ผล” ท่าที นิสัยใจคอ ค่านิยม ก็นับเป็น “ราก” ไม่มีทางที่เราจะได้รับผล หากปราศจากรากที่แข็งแรง
ผลการเรียนที่ดี เกิดจาก ความขยันหมั่นเพียรเอาใจใส่อ่านหนังสืออย่างสม่ำเสมอ
ครอบครัวที่มีความสุข เกิดจาก ความรัก ความผูกพัน ความเข้าใจ และความเสียสละที่ทั้งสองฝ่ายมอบให้กัน
คริสตจักรที่เจริญเติบโต เกิดจาก รากฐานความเอาใจใส่ในพระวจนะพระเจ้า การนมัสการที่มีคุณภาพ การประกาศข่าวประเสริฐด้วยแบบอย่างชีวิตของสมาชิกแต่ละคน และชีวิตที่ติดสนิทกับพระเจ้า
เพราะฉะนั้น หากเราต้องการประสบความสำเร็จในทุกเรื่องของชีวิต ลองย้อนกลับไปมองดูรากฐานชีวิตของเรา สำรวจตรวจสอบเรื่องพื้นฐานต่างๆ ให้ถูกต้องและมั่นคง อย่าลืมว่าเราจะเก็บเกี่ยวผล ตามเมล็ดพันธุ์ที่เราหว่าน ไม่มีใครหลีกหนีสัจธรรมข้อนี้ได้
น้ำพระทัยและการทรงเรียกของพระเจ้า
ชีวิตที่ดำเนินไปโดยไม่มีจุดหมาย ไม่รู้ปลายทาง ก็เหมือนขึ้นรถไฟโดยไม่สนใจว่ามันจะพาเราไปไหน ไม่ต่างกับนางเอกในละครตอนเศร้าสุดขีดวิ่งขึ้นแท็กซี่แล้วบอกว่าไปไหนก็ได้ สุดท้ายก็ต้องลงกลับมาที่เดิมเพราะแท็กซี่ก็ไม่รู้จะพาไปไหนเหมือนกัน
พระเจ้าทรงมีน้ำพระทัยที่ประเสริฐสำหรับชีวิตของเรา
เยเรมีย์ 29:11 กล่าวว่า “แผนงานที่เรามีไว้สำหรับเจ้า เป็นแผนงานเพื่อสวัสดิภาพไม่ใช่เพื่อทุกขภาพ”
การทรงเรียกของพระองค์นำพาเราไปสู่จุดหมายที่ยอดเยี่ยมเสมอ แม้บางครั้งก็ยากที่เราจะเข้าใจแผนงานของพระเจ้าได้ทั้งหมดในทันที เราสามารถวางใจในพระเจ้า และมอบอนาคตทั้งหมดไว้กับพระเจ้าได้อย่างแน่นอน ดั่งที่เยเรมีย์ 29:11 กล่าวในตอนท้ายถึงแผนงานของพระเจ้าว่า “…เพื่อจะให้อนาคตและความหวังใจแก่เจ้า”
ยอร์จ มูลเลอร์ ได้ให้คำแนะนำถึงวิธีการในการแสวงหาน้ำพระทัยพระเจ้าไว้อย่างน่าสนใจ ด้วยการสรุปเป็นคำ 5 คำ คือ “ยอม” “หา” “ดู” “อธิษฐาน” และ “คอย”
ยอมมอบจิตใจ มอบความปรารถนาของท่านแด่พระเจ้า
หาน้ำพระทัยของพระเจ้าจากพระคัมภีร์
ดูสภาพการณ์ต่างๆ ที่พระเจ้าให้เกิดขึ้น
อธิษฐานทูลขอการเปิดเผยสำแดงน้ำพระทัยจากพระเจ้า
คอยการเคลื่อนไหวและการทรงนำของพระเจ้า
วินัย วินัย และวินัย
คำแนะนำสุดท้ายนับว่าเป็นส่วนสำคัญที่สุด หลายคนฝัน หลายคนตั้งใจ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะขาดการควบคุมอารมณ์ บกพร่องในการบังคับตนเอง
แมลงตัวน้อยที่พระคัมภีร์ยกขึ้นมาเป็นตัวแทนของวินัยคือ “มด” พระธรรมสุภาษิต 6:6-9 บอกให้คนที่ขาดวินัยชีวิตให้ไปสมัครเป็นลูกศิษย์มดไว้อย่างน่าสนใจว่า “คนเกียจคร้านเอ๋ย ไปหามดไป๊ พิเคราะห์ดูทางของมัน และจงฉลาด…”
มีวินัย 3 ด้านที่เราควรเอาใจใส่สำหรับการเริ่มต้นปีใหม่ คือ วินัยในการใช้เวลา วินัยในการใช้จ่ายเงินทอง และวินัยในการปรับปรุงพัฒนาตนเอง
วินัยในการใช้เวลา เราทุกคนมีเวลาเท่ากัน ไม่มีใครมีมากกว่าหรือน้อยกว่ากัน ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับเราแต่ละคนว่าจะใช้เวลาที่มีอยู่นี้อย่างไรให้ดีและเกิดประโยชน์ที่สุด จัดเวลาสำหรับเรื่องต่างๆ ในชีวิตอย่างสมดุล ให้เวลากับครอบครัว พ่อแม่ เพื่อน และสังคม และอย่าลืมให้เวลากับตัวเองในการเข้าเฝ้าพระเจ้า อธิษฐาน ศึกษาพระคัมภีร์ เพื่อชีวิตเราจะเข้มแข็งและเติบโตทั้งภายในและภายนอก
วินัยในการใช้จ่ายเงินทอง สิ่งที่ทำให้ผู้คนสมัยนี้เครียดมากที่สุดเรื่องหนึ่งคือการเป็นหนี้เป็นสิน บางคนเป็นหนี้การค้าที่หมุนเงินไปมา อย่างนี้ก็ยังไม่เครียดเท่าไร แต่บางคนเป็นหนี้บริโภค ทำบัตรเครดิต บัตรสินเชื่อ บัตรเงินสด เอาเงินอนาคตมาใช้อย่างสนุกมือนึกว่าเป็นเงินพิเศษ ซื้อสินค้าเงินผ่อน ใช้ก่อนผ่อนทีหลัง ไปมาๆ ชักหน้าไม่ถึงหลังเป็นหนี้เป็นสินเดือดร้อนพ่อแม่ครอบครัวต้องคอยมาช่วยประคับประคอง ขอให้ถือคติโบราณที่ใช้ได้ดีจนถึงวันนี้ “มีสลึงพึงบรรจบให้ครบบาท อย่าให้ขาดสิ่งของต้องประสงค์ มีน้อยใช้น้อยค่อยบรรจง อย่าจ่ายลงให้มากจะยากนาน” วางแผนการเงินให้ดี รายรับมีเท่าไร จะเก็บออมเท่าใด จะถวายแค่ไหน แล้วจะต้องใช้จ่ายอะไรก่อนหลัง วางแผนให้ดี เพื่อจะได้ไม่ต้องมากลุ้มใจใช้หนี้กันให้ปวดหัวใจ
วินัยในการปรับปรุงพัฒนาตนเอง ยุคสมัยนี้ ใครไม่พัฒนาตนเองเท่ากับกำลังถอยหลังตกยุคไปเรื่อยๆ โลกหมุนเวียนเปลี่ยนเร็วแค่ไหน เราก็ต้องปรับเปลี่ยนให้ว่องไวเท่านั้น มีวินัยใฝ่หาความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ เรียนรู้ตลอดชีวิต ดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรง อย่านอนดึก อย่าตื่นสาย อย่าขี้เกียจออกกำลังกาย อะไรที่เราบกพร่องทำผิดพลั้งพลาดเมื่อปีที่แล้ว เอาผิดเป็นครู เรียนรู้ไม่พลาดซ้ำ
ไม่มีใครเลือกเกิดได้ แต่เราทุกคนเลือกใช้ชีวิตที่ดีได้ อย่ายอมให้อดีตเป็นกรงขังกีดกันอนาคตของชีวิตท่าน และอย่าลืมว่าวันนี้เป็นแรกของวันที่เหลืออยู่ในชีวิต ใช้ “วันนี้” ให้คุ้มค่าที่สุดซิครับ
ภาพโดย Unsplash
บทสนทนา
ไม่มีความคิดเห็น