บทความ

เมื่อความวิตกกังวลครอบครองคุณ…แทนพระเจ้า

ช่วงนี้คุณเครียดไหม?

ถึงแม้พระคัมภีร์จะบอกว่า อย่ากระวนกระวายถึงวันพรุ่งนี้ (มธ.6:34) หรืออย่ากังวลว่าจะเอาอะไรกินจะเอาอะไรนุ่งห่ม พระเจ้าจะดูแลอยู่แล้ว (ลก.12:22-31) #ความวิตกกังวลไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้น

แต่เอาจริงป่ะ? คนเราก็อดกังวลไม่ได้หรอก งานมันเผาก้นแล้ว หรือเงินในบัญชีมันจะหมดแล้ว

บางคนอาจจะถึงขั้นว่ามีผลต่อร่างกาย เช่น เหงื่อออกเยอะ ใจสั่น หายใจไม่ออก ไปหาหมอแล้ว หมอก็บอกว่าร่างกายเราปกติดี แต่อาจจะเกิดจากความเครียดมากกว่า

หลังจากที่มีคนใกล้ตัวเป็นแบบนี้เยอะ น้ำกรองจึงไปหาข้อมูลมา ก็เลยอยากจะแบ่งปันวิธีการดูแลตัวเองเบื้องต้นละกันนะ

1. เขียนหรือพูดออกมาว่ากังวลอะไร

พระเยซูบอกว่า อย่ากระวนกระวายในสิ่งใดๆ เลย แต่จงทูลพระเจ้าให้ทรงทราบทุกสิ่ง (ฟป.4:6)

เราไม่ใช่ Tony Stark ที่จะทำทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง แต่พระเจ้าทำได้ ดังนั้นบอกให้พระเจ้าช่วยสิ 🙂

ในทางจิตวิทยา การพูดหรือเขียนสิ่งที่เราต้องการ สิ่งที่กังวล นอกจากการเป็นการระบายแล้ว ยังทำให้เราเห็น pattern ของสิ่งที่ทำให้เรากังวล เครียด จิตตก

มันทำให้เราเข้าใจตัวเองมากขึ้น มีความรู้ตัว (self-awareness) มากขึ้น ซึ่งจะทำให้ครั้งต่อไปที่เรากังวล เราจะจัดการมันได้ดีขึ้นเรื่อยๆ

2. กิน นอน ออกกำลังกาย

เรื่องคลาสสิคสำหรับความกระวนกระวาย คงไม่พ้นเรื่องของเอลียาห์ ตั้งแต่ 1 พกษ.18:20-40 เอลียาห์ทำการอัศจจรย์มากมาย จัดการผู้เผยพระวจนะของพระบาอัล (ผู้เผยเทียมเท็จ) จนราบคาบ

แต่หลังจากนั้นไม่นาน เมื่อพระนางเยเซเบลขู่จะฆ่าเอลียาห์ เอลียาห์วิ่งหนีหางจุกตูดด้วยความกลัว หนีเข้าถิ่นทุรกันดาร นั่งอยู่ใต้ต้นซาก และขอให้พระเจ้าเอาชีวิตเอาไป (1 พกษ.19:4)

แล้วก็มีทูตของพระเจ้ามาบอกให้เอลียาห์ลุกขึ้น กิน และเดินทางไปอีก 40 วัน พอถึงถ้ำก็ให้พัก แล้วหลังจากนั้นค่อยบอกเอลียาห์เบาๆ #เพียงกระซิบบอก

ทำไมพระเจ้าต้องให้เอลียาห์ทำแบบนี้? มีอะไรทำไมไม่พูดเลย?

อาจเป็นเพราะพระเจ้ารู้ว่าช่วงที่ความรู้สึกเราท่วมท้นมากๆ เราจะไม่ฟังอะไร เหมือนคนไม่มีสติ การเบี่ยงเบนความสนใจ เช่น การไปหาอะไรกิน หรือเดินรอบบ้าน ก็คงพอจะช่วยอะไรได้บ้างอีกทั้ง

การกินอาหารดีๆ ไม่ดื่มเหล้าหรือคาเฟอีน นอนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ยังจะเป็นการลดการกำเริบ (panic attack) ได้อีกด้วย

3. ไม่ไหวต้องไปหาหมอ

เราต้องยอมรับว่าปัญหาสุขภาพไม่ได้เกิดจากปัจจัยเดียว ไม่ว่าจะเป็นโรคทางกายหรือทางจิตใจ มันมีสาเหตุทั้งทางด้านพันธุกรรม อารมณ์ สังคม และอื่นๆซึ่งการแก้เฉพาะด้านใดด้านหนึ่ง คงยากที่จะทำให้หายได้

ในพระคัมภีร์ก็มีหลายตอนที่แสดงให้เห็นว่ามีตัวช่วยในการรักษาทางในการแพทย์ เช่น การใช้เหล้าองุ่นและน้ำมัน (ลก.10:34, 1 ทธ.5:23) ใช้ใบไม้รักษาโรค (อสค.47:12)

ดังนั้นเราอาจไปพบกับหมอ / นักจิตวิทยา / นักจิตบำบัด เพื่อให้เขาช่วยก็ได้

ไม่ใช่ว่าเราขาดความเชื่อในเรื่องการเยียวยาของพระเจ้า แต่พระเจ้าก็แสดงสิทธิอำนาจในการรักษาผ่านหมอด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ดี ก็ไม่ใช่จะหวังพึ่งหมอ พึ่งยาเพียงอย่างเดียวนะ สิ่งเหล่านี้เป็นแค่ตัวช่วย เรายังคงต้องมีความหวังในพระเจ้าต่อไป

สุดท้ายน้ำกรองอยากจะถามว่า เราเชื่อจริงๆ รึเปล่าว่า เหตุการณ์ทุกอย่างร่วมกันก่อผลดีแก่คนที่รักพระเจ้า (รม.8:28)

ถ้าน้องเชื่ออย่างนั้น ก็อยากให้มองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้รอบด้าน แล้วเราจะผ่านมันไปด้วยกัน ^^
#เป็นกำลังใจให้น้า

 

บทความ:  ชลนภา เหลืองรังสี (น้ำกรอง)
ออกแบบ:  RainnieDesign

ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง