แยกแยะน้ำพระทัยของพระเจ้าให้ออก
สำหรับผู้เชื่อที่อยากรู้น้ำพระทัยของพระเจ้าในชีวิตแล้ว สิ่งแรกที่เขาต้องตั้งคำถามนั้นไม่ใช่ “ฉันควรจะทำอะไร?” แต่เป็น “ฉันควรจะเป็นใคร?” ต่างหาก
บางทีคุณก็อาจเคยพยายามใช้พระคัมภีร์เพื่อหาคำตอบว่า “ฉันควรจะทำอะไร?” ในขณะกำลังเผชิญการตัดสินใจที่ยากลำบาก
คุณอาจใช้เวลาหลายชั่วโมง ใคร่ครวญพระธรรมสดุดีหรือพระกิตติคุณ และอธิษฐานขอให้พระเจ้าสำแดงว่าเรื่องที่คุณอ่านนั้นจะพูดถึงปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่อย่างไร คุณอาจเคยอึดอัดใจกับความเงียบของพระเจ้า
ที่แย่กว่านั้น บางคนตัดสินใจไปตามลางสังหรณ์ หรือความคิดว่า “พระเจ้าน่าจะนำแบบนี้” และสุดท้ายก็พบความจริงว่า จริงๆ แล้วเราไม่ได้ยินสิ่งที่เป็นน้ำพระทัยพระเจ้าเลย
แม้ไม่ค่อยอยากยอมรับ แต่ฉันเองก็เคยอยู่ในกระบวนการที่ล้มเหลวอันน่าละอายเช่นนี้ มันเหมือนคนที่หูเพี้ยนจนไม่สามารถแยกแยะเสียงดนตรีได้ ตัวฉันเองก็แทบจะไม่สามารถแยกแยะสิ่งที่เป็นน้ำพระทัยของพระเจ้าออกได้เลย
“ความหวังใจแห่งข่าวประเสริฐที่หล่อเลี้ยงอยู่ในหนทางการชำระชีวิตเราให้บริสุทธิ์นั้น ไม่เพียงทำให้เราเลือกตัดสินใจได้ดีขึ้น แต่ทำให้เรากลายเป็นคนที่ดีขึ้นด้วย”
พระเจ้าไม่ทรงปิดซ่อนน้ำพระทัยจากลูกๆ ของพระองค์ เช่นกันในฐานะพ่อแม่ ฉันคงไม่มีทางบอกลูกๆ ว่า “มีบางอย่างที่ถ้าลูกทำแล้วแม่จะดีใจมากๆ ลูกลองหาเอาเองนะว่าสิ่งนั้นมันคืออะไร”
ถ้าฉันเองยังเปิดเผยสิ่งที่ฉันต้องการจากลูกๆ ในโลกนี้แล้ว พระบิดาในสวรรค์ของเราจะทำมากยิ่งกว่านั้นเพียงใด?
น้ำพระทัยของพระองค์ไม่จำเป็นต้องถูกค้นหาเสียด้วยซ้ำ แท้จริงแล้วสิ่งนั้นถูกวางไว้ต่อหน้าต่อตาเรา เพียงแต่เราต้องเริ่มตั้งคำถามให้ตรงกับสิ่งแรกที่พระองค์ทรงให้คุณค่า
เราจำเป็นต้องถามว่า “เราควรจะเป็นใครในพระองค์?”
เริ่มต้นที่ใจ
แน่นอนว่าทั้งคำถามที่ว่า “ฉันควรจะทำอะไร?” และ “ฉันควรจะเป็นใคร?” นั้นมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน แต่การจัดลำดับสิ่งที่เราถามนั้นสำคัญอย่างมาก
หากเราให้ความสำคัญกับการกระทำโดยไม่คำนึงถึงเรื่องจิตใจของเรา สุดท้ายแล้วเราอาจกลายเป็น “พวกที่รักตัวเอง” ที่แค่ทำตัวดีขึ้นเท่านั้นเอง
ลองคิดดูว่า จะมีประโยชน์อะไร ถ้าหากเราเลือกการงานที่ใช่ แต่เรายังคงเต็มไปด้วยความเห็นแก่ตัว?
จะมีประโยชน์อะไรถ้าหากเราเลือกคู่ครองหรือครอบครัวที่ใช่ แต่เราก็ยังโลภอยากได้ของคนอื่น?
จะมีประโยชน์อะไรถ้าหากเลือกสิ่งที่ “ถูก” ในขณะที่เรายังเป็นคนที่ “ผิด” อยู่?
แม้แต่คนที่หลงหายก็ยังเลือกทำ “สิ่งที่ดี” ได้ แต่มีเพียงคนที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงสถิตด้วยเท่านั้นที่สามารถเลือกทำ “สิ่งที่ดี” เพื่อ “ถวายเกียรติพระเจ้า” ได้
ความหวังใจแห่งข่าวประเสริฐที่อยู่ในเส้นทางการชำระเราให้บริสุทธิ์นั้น ไม่ใช่เพียงแค่ทำเราเลือกตัดสินใจได้ดีขึ้น แต่คือการที่เรากลายเป็นคนที่ดีขึ้น
ความหวังใจแบบนี้เองที่ทำให้จอห์น นิวตัน เขียนเนื้อเพลง “ยามนั้นฉันหลง พระองค์ตามหา ตาบอดแต่ฉันเห็นแล้ว” (เพลง Amazing Grace)
ความหวังแบบนี้ที่เป็นแรงบันดาลใจให้อัครทูตเปาโลพูดว่า “เรากำลังรับการเปลี่ยนแปลงให้เป็นเหมือนพระองค์ด้วยรัศมีที่เพิ่มพูนขึ้นทุกที” (2 โครินธ์ 3:18-TNCV)
ข่าวประเสริฐสอนเราว่าพระคุณซึ่งเราได้รับผ่านพระคริสต์โดยการงานของพระวิญญาณนั้น กำลังเปลี่ยนแปลงเราให้กลายเป็นคนที่ดีมากยิ่งขึ้น โดยไม่ได้กลายเป็นแบบอื่นที่พระเจ้าไม่ได้สร้างให้เราเป็น
ข่าวประเสริฐนั้นกำลังเริ่มเปลี่ยนแปลงเราให้กลายเป็น “คนที่เราควรจะเป็น” ข่าวประเสริฐซ่อมแซมเรากลับสู่สภาพเดิม
ถ้าเราอยากรู้ว่ามนุษย์ที่พระเจ้าทรงดำริสร้างนั้นแท้จริงเป็นอย่างไร ให้ลองมองดูที่มนุษย์ผู้เดียวที่ไม่เคยมีบาป มองดูพระเยซูคริสต์
** บทความนี้ดัดแปลงมาจากหนังสือ In His Image: 10 Ways God Calls Us to Reflect His Character โดย เจน วิลคิน**
บทความต้นฉบับ: เจน วิลคิน (คลิกที่นี่) , 7 พฤษภาคม 2018
แปล: คุณจิรัฎฐ์ สำราญสุข
เรียบเรียง: ธารา วงศ์ศิริสิน
ภาพ: Maria Stiehler on Unsplash
ออกแบบ: Nan Tharinee
บทสนทนา
ไม่มีความคิดเห็น