Twitter @GratitudeDNA ได้แชร์เรื่องราวของหญิงสาวคนหนึ่งที่เสียคุณพ่อไปเมื่อ 4 ปีที่แล้ว แต่ด้วยความรักและผูกพัน ยังส่งข้อความเล่าอัพเดตชีวิตทุกข์และสุขเข้าเบอร์มือถือพ่อมาตลอด จนถึงวันครบรอบ 4 ปีที่พ่อเสีย ก็ยังได้ส่งข้อความยาวเป็นพิเศษไปอีก แต่จู่ๆ กลับมีข้อความตอบกลับมาจากผู้ชายคนหนึ่ง
ผู้ชายคนนี้ได้เสียลูกสาวในอุบัติเหตุ และคงได้ใช้เบอร์เก่าของคุณพ่อ จึงได้เฝ้าอ่านข้อความที่หญิงสาวคนนี้พิมพ์เข้ามาตลอด 4 ปี แต่ไม่กล้าตอบกลับไป
และนี่คือข้อความที่ทั้งสองคนคุยกัน
———————–
หญิงสาวที่สูญเสียคุณพ่อ:
พ่อคะ นี่หนูเองนะ… พรุ่งนี้คงจะเป็นอีกวันที่ยากสำหรับหนู! นี่ก็ครบ 4 ปีแล้วตั้งแต่วันที่พ่อจากหนูไป ไม่มีสักวันเลยที่ผ่านไปโดยที่หนูไม่คิดถึงพ่อ มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นในช่วงสั้นๆ ที่ผ่านมา หนูเอาชนะมะเร็งร้ายได้ และไม่เคยป่วยอีกเลยตั้งแต่นั้น
ตามที่เคยสัญญาไว้กับพ่อว่าหนูจะดูแลตัวเองให้ดีขึ้น หนูเรียนจบมหาวิทยาลัยแล้ว และได้เกียรตินิยมด้วย ตอนนี้หนูกลับมาเรียนต่อและกำลังจะเรียนจบอีกครั้ง! หนูตกหลุมรักและหนูอกหัก (พ่อคงอยากจัดการเขาแน่ๆ!) แต่หนูลุกขึ้นใหม่อีกครั้ง และเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม เพื่อนทุกคนทิ้งหนูไปหมด และหนูมาถึงจุดที่ตกต่ำที่สุด แต่หนูพบบางคนที่เข้ามาในชีวิตและช่วยหนูไว้ หนูยังไม่มีลูกค่ะ หนูว่าพ่อคงรู้สึกดี แต่หนูก็พร้อมแล้วนะ
หนูยังคงทำให้แม่กลุ้มใจอยู่บ่อยๆ แต่หนูก็คอยดูแลแม่ตลอดนะ หนูขอโทษที่ไม่ได้อยู่ตรงนั้นในเวลาที่พ่อต้องการหนูที่สุด แต่วันหนึ่งเราจะมีโอกาสได้นั่งดูเกมนั้นด้วยกัน! หนูกลัวการแต่งงานเพราะหนูคงต้องเดินเข้าพิธีเพียงลำพังในวันนั้น และไม่มีพ่ออยู่ตรงนั้นและคอยบอกหนูว่าทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี ตอนนี้หนูมีชีวิตที่ดี และเป็นผู้หญิงแบบที่พ่อจะต้องภูมิใจในตัวหนูแน่ๆ
ไม่ๆๆๆ หนูยังคงปากดีและหัวดื้อ น้ำหนักตัวหนูไม่เพิ่มขึ้น เพราะมันวิ่งไปเลี้ยงที่หัวจนหนูกลายเป็นพวกหัวแข็งซะงั้น! หนูแค่อยากจะบอกพ่อว่า หนูรักพ่อและหนูคิดถึงพ่อจริงๆ
———————–
ผู้ชายที่อ่านข้อความมาตลอด:
สวัสดีจ้ะ สาวน้อย ฉันไม่ใช่พ่อของหนู แต่ฉันได้รับข้อความทั้งหมดของหนูตลอดช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ฉันรอที่จะอ่านข้อความอัพเดทจากหนูทุกเช้าและทุกคืน ฉันชื่อแบรด ฉันสูญเสียลูกสาวในอุบัติเหตุรถยนต์เมื่อสิงหาคม 2014 และข้อความของหนูได้ช่วยต่อชีวิตฉันมาจนทุกวันนี้
เมื่อหนูส่งข้อความมา ฉันรู้ว่านี่เป็นข้อความจากพระเจ้า ฉันเสียใจด้วยที่หนูต้องสูญเสียคนที่หนูรักไป แต่ฉันได้อ่านข้อความของหนูตลอดหลายปีที่ผ่านมา ได้เฝ้ามองหนูเติบโตขึ้นและก้าวผ่านเรื่องราวต่างๆ ฉันอยากส่งข้อความกลับไปหาหนูก่อนหน้านี้ แต่ฉันไม่อยากทำร้ายจิตใจหนู
หนูเป็นผู้หญิงที่วิเศษและฉันหวังว่าลูกสาวของฉันจะเติบโตเป็นผู้หญิงแบบที่หนูเป็น ขอบคุณสำหรับเรื่องราวในแต่ละวันของหนู หนูคอยย้ำเตือนว่า ฉันยังมีพระเจ้าอยู่ มันไม่ใช่ความผิดของพระองค์ที่ลูกสาวของฉันต้องจากไป พระองค์ทรงมอบหนู ซึ่งเป็นเหมือนนางฟ้าตัวน้อยให้แก่ฉัน และฉันรู้ว่าวันนี้ต้องมาถึง วันที่ฉันจะได้ตอบข้อความของหนู
ทุกสิ่งทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี หนูต้องสู้กับตัวเองทุกวันเพื่อส่องสว่างชีวิตที่พระเจ้ามอบให้หนู ฉันเสียใจที่หนูต้องเจอเรื่องร้าย แต่ถ้ามันช่วยให้หนูโตขึ้น ฉันก็รู้สึกภูมิใจในตัวหนูมาก!
ป.ล. ฉันคิดว่าคุณพ่อของหนูจะต้องดีใจแน่ๆ ที่รู้ว่าหนูซื้อสุนัข แทนการมีลูกของตัวเอง ดูแลตัวเองด้วย และฉันจะคอยฟังเรื่องราวของหนูในวันพรุ่งนี้อีกนะ
———————–
นี่เป็นอีกเรื่องราวที่จับใจ ข้อความที่ได้อ่านมันช่างกินใจและตื้นตันใจ นี่อาจเป็นเรื่องบังเอิญที่ดูลงตัว ระหว่าง ลูกสาวที่สูญเสียคุณพ่อไป กับ คุณพ่อที่สูญเสียลูกสาวไป แต่ก็สามารถมองได้ว่า นี่อาจเป็นวิธีของพระเจ้าในการเล้าโลมจิตใจคนทั้งสองในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ตราบที่พวกเราเองยังมีชีวิตอยู่ในโลก มันไม่ง่ายที่จะรับมือกับความโศกเศร้าเมื่อต้องสูญเสียคนที่เรารัก นี่เป็นข้อแนะนำ 3 สิ่งที่จะช่วยผู้เชื่อให้รับมือการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นวันใดวันหนึ่ง
1) เสียใจอย่างเข้าใจ
คนทั่วไปเมื่อเศร้าเสียใจ มักจะมีคำถามที่หาคำตอบไม่ได้ “ทำไมเรื่องแบบนี้ถึงเกิดกับเรา” แต่สำหรับคริสเตียนควรเป็นกลุ่มคนที่มีความเข้าใจเรื่องนี้ดี และความเข้าใจที่ดีที่สุดมาจากแหล่งเดียว คือการมองสิ่งที่เกิดขึ้นตามอย่างที่พระเจ้ามอง
สำหรับผู้เชื่อ ความตายไม่ใช่จุดจบหรือความสูญเสียของชีวิต เปาโลบอกตรงข้ามว่า คือกำไรของชีวิต เพราะเราจะได้กลับไปอยู่บ้านที่แท้จริงบนสวรรค์
“เพราะเรารู้ว่าถ้าเรือนกายบนโลกที่เราอาศัยอยู่นี้ถูกทำลายไป เราก็ยังมีที่อาศัยซึ่งมาจากพระเจ้า ที่ไม่ได้สร้างด้วยมือมนุษย์ และอยู่อย่างถาวรนิรันดร์ในสวรรค์ เพราะว่าในร่างกายนี้ เราคร่ำครวญและปรารถนาจะสวมใส่ที่อาศัยของเราที่มาจากสวรรค์” (2 โครินธ์ 5:1-2)
คุณอาจไม่อินกับพระคัมภีร์ข้อนี้ หากยังแยกไม่ออกว่าที่ไหนคือบ้านที่แท้จริงของคุณ ไม่มีใครทุ่มเทชีวิตไปกับบ้านเช่าชั่วคราว มีแต่จะคร่ำครวญและปรารถนาจะกลับมาอยู่บ้านจริงอันถาวร เป็นเรื่องน่าแปลกที่คริสเตียนโหยหาและพยายามลงหลักปักฐานบนโลกใบนี้ และเศร้าเมื่อต้องจากโลกนี้ไป
มันน่าดีใจที่คนที่จากเราไปกำลังมุ่งหน้าไปรอเราอยู่ในสถานที่ที่ดีกว่าแล้ว ส่วนเราก็นับวันของพระเจ้ารอที่ไปพบกัน ฉะนั้นมันมีทั้งเสียใจปนสุขใจ นี่ล่ะ เสียใจอย่างเข้าใจ
แต่สิ่งที่น่าเศร้าใจจริงๆ คือ ปลายทางของคนที่ไม่รู้จักพระเจ้า หากเราหวังจะได้พบคนที่เรารักในที่เดียวกัน นี่คงเป็นเหตุผลที่เราต้องอธิษฐานและเร่งรีบนำพวกเขามาสู่พระคุณความรักของพระองค์
2) ลองนั่งคิดว่า ถ้าวันหนึ่ง…ต้องสูญเสียคนที่รักไป จะทำยังไงต่อไป
ไม่มีอะไรแน่นอน แต่ที่แน่นอนก็คือ ไม่ช้าก็เร็วเราคงต้องเจอเหตุการณ์นี้ การได้ลองนั่งคิด มีส่วนช่วยให้เรารับมือสิ่งที่จะเกิดขึ้น คู่ครองอาจนั่งคุยกัน วางแผนเบาๆ ไว้ว่าถ้าคนใดคนหนึ่งจากไป อีกคนจะประคับประคองชีวิตที่เหลือต่อไปยังไง อาจจดบันทึกเก็บไว้ เพราะมันอาจเป็นประโยชน์ในวันนั้นที่เราอาจไม่พร้อมที่จะจัดการเรื่องต่างๆ ได้
3) ชื่นชมและใช้ชีวิตให้คุ้มค่ากับคนที่เรารัก
เหมือนคติง่ายๆ ทำวันนี้ให้ดีที่สุด หากคุณไม่อยากมานั่งเสียใจทีหลังกับสิ่งที่ไม่ได้ทำ เริ่มต้นและลงมือตั้งแต่วันนี้ ทะนุถนอมดูแลคนที่คุณรัก ให้เวลากับพวกเขา สร้างความทรงจำดีๆ ไว้ร่วมกัน และเรื่องราวดีๆ เหล่านี้จะอยู่ในใจคุณไปจนวันสุดท้ายของชีวิต
———————–
หลังจากที่สาวน้อยคนนี้ได้รับข้อความกลับ จึงได้แชร์เรื่องราวนี้ออกไป ท้ายที่สุดมันทำให้เธอและคุณพ่อคนนี้ได้มีโอกาสได้เจอหน้าพูดคุยกัน
บทความ: JK
อ้างอิง: Twitter เรื่องราวดีๆ @GratitudeDNA
ภาพ: Priscilla Du Preez on Unsplash
ออกแบบ: Nan Tharinee
บทสนทนา
ไม่มีความคิดเห็น