เจมส์ ด๊อบสัน (James Dobson)1 เล่าถึงบริษัทการ์ดอวยพรซึ่งจัดโครงการให้นักโทษในเรือนจำเขียนการ์ดในวันแม่ได้ฟรี นักโทษต่างมาเข้าแถวต่อคิวยาวมากจนการ์ดที่เตรียมมาไม่เพียงพอ ด้วยความสำเร็จในวันแม่บริษัทจึงทำโครงการนี้อีกครั้งในวันพ่อ แต่แล้วกลับแทบไม่มีนักโทษคนใดมาเขียนการ์ดให้พ่อเลย เมื่อสอบถามนักโทษหลายคนตอบว่า “ผมเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครเป็นพ่อ”
หลายคนโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่ดี เพราะเขาขาดการปลูกฝังแบบอย่างชีวิตที่ดีในวัยเด็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจาก “พ่อ” ผู้ซึ่งพระเจ้าให้ฐานะผู้นำครอบครัวทั้งฝ่ายกายภาพและจิตวิญญาณ หากพ่อล้มลง ลูกก็จะซึมซับความผิดพลาดเหล่านั้น จนอาจกลายเป็นต้นแบบที่ผิดพลาดจากรุ่นสู่รุ่น
ซึ่งในพระคัมภีร์ได้บันทึกเรื่องราวความผิดพลาดจากรุ่นสู่รุ่นของ อับราม ที่โกหกเรื่องนางซาราห์ (แม้ซาราห์จะเป็นน้องต่างมารดาจริง แต่อับรามปกปิดความจริงอีกส่วนว่าซาราห์เป็นภรรยาของเขา จนนางถูกนำเข้าฮาเร็ม ก่อนพระเจ้าจะช่วยนางไว้) => ต่อมา อิสอัค โกหกเรื่องนางเรเบคาห์ => ยาโคบ โกหกอิสอัคพ่อของตน => ลูกทั้ง 11 คน โกหกยาโคบเรื่องโยเซฟ
การถ่ายทอดทั้งสิ่งดีและสิ่งร้ายนี้มีลักษณะคล้ายการหว่านเมล็ดที่รอวันเติบโต พ่อจึงเป็นดุจผู้ที่กำเมล็ดพืชไว้ในมือ ซึ่งเมล็ดจะเกิดผลตามชนิดของมัน หว่านอะไร ก็ได้เกี่ยวอย่างนั้น นี่คือคำตอบที่พ่อบางคนสงสัยว่า “ทำไมลูกจึงตอบสนองเราอย่างนี้? ทำไมเขาจึงเป็นหรือทำอย่างนี้?” เราจึงต้องเตือนใจตนเองเสมอก่อนจะพูดอะไรออกไปขณะที่โกรธจัด เครียดจัด หรือเศร้าหนัก “อย่าหว่านเมล็ดวัชพืช หากเราไม่อยากเกี่ยววัชพืช”
แล้วเราควรหว่านอะไรลงในชีวิตลูก?
- ความเชื่อที่ดีและถูกต้อง มีงานวิจัย2 ที่สร้างความประหลาดใจชิ้นหนึ่งได้ถูกนำเสนอโดยคณะกรรมการนักธุรกิจคริสเตียนชาย พบว่า เมื่อพ่อเป็นคริสเตียนที่เข้มแข็งจะส่งผลต่อลูกจำนวน 75% ให้เป็นคริสเตียนที่เข้มแข็ง แต่หากมีเพียงแม่ที่เชื่อพระเจ้าฝ่ายเดียว ลูกเพียง 15% เท่านั้นที่จะเป็นคริสเตียนที่เข้มแข็ง จึงชี้ว่าพ่อมีอิทธิพลต่อความเชื่อของลูกเป็นอย่างมาก
- ภาพลักษณ์ที่ถูกต้องต่อตนเอง การให้เกียรติและคำพูดที่ดีของพ่อมีผลต่อมุมมองที่ลูกมีต่อตัวเขาเอง
- ทัศนคติที่ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นความกลัว ความวิตกกังวล ความขมขื่น ความคิดแง่บวก หรือความเครียด เป็นเมล็ดที่ถ่ายทอดสู่รุ่นต่อไปได้
- ลักษณะชีวิตที่ถูกต้อง ไลฟ์สไตล์ที่หว่านซ้ำๆ เป็นแรมเดือนแรมปีจะมีพลังมาก มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตแห่งอุปนิสัย ถ้าละเลยไม่ปลูกอุปนิสัยที่ดี เราก็กำลังปลูกอุปนิสัยที่แย่อยู่
จะทำอย่างไร หากหว่านสิ่งที่ผิดไปแล้ว?
เราไม่ได้เรียนรู้เรื่องการหว่านเมล็ดเพื่อกล่าวโทษอดีตที่เคยผิดพลาด แต่เพื่อเตรียมการสำหรับอนาคต หากที่ผ่านมาเคยมีสิ่งที่ผิดหว่านในชีวิต ให้เรากลับมาสู่ “พระที่นั่งแห่งพระคุณของพระเจ้า” ซึ่งพร้อมเสมอสำหรับการแก้ไขสิ่งผิด และเริ่มต้นใหม่
สารภาพผิด => กลับใจ => แก้ไขมัน => หว่านสิ่งใหม่
แม้บางอย่างที่คุณเคยทำผิด มันส่งผลลัพธ์ที่ตามมา ซึ่งคุณไม่อาจหลีกหนีความรับผิดชอบนั้นได้ แต่คุณสามารถหยุดยั้งไม่ให้มันสานต่อไปไกลกว่านี้ได้ และแม้ว่าเราจะเคยถูกผู้อื่นหว่านสิ่งที่ผิดในอดีต แต่กระนั้น เรายังคงมีอำนาจในการควบคุมประตูความคิดของเรา อย่ายอมเมล็ดที่ไม่ดีเหล่านั้นเติบโตอีก
การหว่านของพ่อแม่ในชีวิตลูกนี้ต้องอาศัยความตั้งใจและการจัดเวลาที่เจาะจง นั่นอาจเป็นช่วงเวลาขับรถไปส่งลูก ที่โต๊ะทานข้าว วันหยุดของครอบครัว หรือช่วงก่อนนอนเพื่อพูดคุย รับฟัง และสอนลูก เวลาเหล่านั้นเป็น “การลงทุนที่ดีที่สุดของเราในชีวิตลูก” และผมมักเตือนใจตัวเองเสมอว่า “เราไม่ใช่คนเดียวที่หว่านลงในชีวิตลูก ถ้าเราไม่หว่าน โลกก็จะหว่านอยู่ดี” ไม่ว่าจะผ่านเพื่อนที่โรงเรียน รายการทีวี หรือเว็บไซต์ต่างๆ
มีเรื่องจริงของ ชาร์ลส ฟรานซิส อดัม (Charles Francis Adams)3 เขาได้ใช้เวลาทั้งวันเพื่อไปตกปลากับลูกชาย เมื่อจบวันเขาบันทึกลงในไดอารี่ว่า “ไปตกปลากับลูกชายวันนี้.. เสียเวลาไปทั้งวัน” แต่สำหรับลูกชาย เมื่อกลับมาเขาได้บันทึกในไดอารี่ว่า “ไปตกปลากับพ่อ.. นี่เป็นวันพิเศษที่สุดในชีวิต” ขณะที่พ่อคิดว่ากำลังเสียเวลา แต่สำหรับลูกชาย มันคือการลงทุนเวลาที่มีค่า
สำหรับผู้เป็นพ่อแล้ว การใช้เวลากับลูก ไม่ใช่การเสียเวลาเลย เพราะคุณกำลังหว่านเมล็ดที่รอวันเติบโตในอนาคต แล้ววันหนึ่งคุณจะภาคภูมิใจเมื่อได้เห็นทุกสิ่งงอกงาม
บทความ: ทนนท์ ชาญชิตโสภณ
ภาพ: Caleb Jones on Unsplash
ออกแบบ: Nan Tharinee
อ้างอิง:
(1) หนังสือ Bringing up Boys
(2) Keith Meyering, Discipleship Journal, issue #49, p. 41
(3) Better Dads, Stronger Sons, Rick Johnson
บทสนทนา
ไม่มีความคิดเห็น