บทความ

เดินกับพระเจ้าอย่างไร เมื่อทางข้างหน้ายังไม่ชัดเจน

พระยาเวห์ตรัสแก่อับรามว่า “เจ้าจงออกจากดินแดนของเจ้า จากญาติพี่น้องของเจ้า จากบ้านบิดาของเจ้า ไปยังดินแดนที่เราจะสำแดงแก่เจ้า” (ปฐมกาล 12:1)

พระเจ้าไม่ได้บอกอับราม (ต่อมาถูกเรียกว่า อับราฮัม) ถึงรายละเอียดในการเดินทาง หรือจุดหมายปลายทางชัดๆ ที่ต้องไป ทรงบอกเพียงว่า “อับราม จงออกจากสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย และจงไปยังที่ๆ เราจะสำแดงแก่เจ้า”

อย่างไรก็ดี พระเจ้าทรงเพิ่มเติมว่า พระองค์จะอวยพรอับรามและพงศ์พันธ์ของเขาหากเขาเชื่อฟังพระองค์ อับรามเองไม่รู้ว่าเขาต้องไปที่ไหน แต่เพราะเขารู้จักพระเจ้าและวางใจในพระองค์ เขาจึงเชื่อฟังได้หมด

การเชื่อฟังของอับรามเป็นไปทีละขั้นตอน และแต่ละขั้นเขาจะค่อยๆ ได้ยินเสียงพระเจ้ามากขึ้น

ตัวฉันเองก็รู้สึกว่าพระเจ้าต้องการให้ทำเช่นนั้นเหมือนกัน ในเดือนพฤศจิกายน ฉันตกงาน และไม่รู้เลยว่าพระเจ้ากำลังให้ฉันเดินไปทางใด แต่ฉันวางใจว่านี่จะต้องเป็นทางที่ดี เส้นทางแห่งการอวยพร

และจากนั้นมาแต่ละวัน ฉันลงมือทำสิ่งที่รู้ว่าต้องทำ นั่นคือหางานใหม่ ส่งใบสมัคร และติดต่อผู้คน การว่างงานเป็นโอกาสที่ฉันได้พัฒนาทักษะใหม่ๆ ขณะเดียวกันฉันก็ระลึกเสมอว่า พระเจ้าทรงดีและจะประทานสิ่งดีให้กับลูกของพระองค์

แต่ละวันฉันเริ่มรับรู้ว่าพระองค์กำลังนำฉันไปทีละนิด และนั่นทำให้ฉันมีสันติสุขแม้ว่ายังไม่รู้ชัดเจนก็ตาม

ฉันกำลังเรียนรู้การเดินทางแบบอับราม และมี 3 บทเรียนที่พระเจ้าสอนฉัน นั่นคือ

1. ออกมาจากสภาพที่คุ้นเคยของตัวเอง (Comfort Zone)

พระเจ้าต้องการให้เราค่อยๆ ก้าวออกจากสภาพที่คุ้นเคยของเรา เพื่อจะวางใจพระองค์ในสิ่งที่ยังไม่รู้ในอนาคต ฉันต้องเปิดพื้นที่ให้พระองค์เข้ามานำในชีวิต

ถ้าพระเจ้ามาสำแดงน้ำพระทัยสำหรับฉันให้เห็นในทุกขั้นตอน มันคงไม่ต้องใช้ ‘ความเชื่อ’ ในการติดตามพระองค์ ยิ่งกว่านั้นถ้าฉันรู้ชัดๆ ล่วงหน้าว่าต้องไปตรงไหน บางทีความคิดนั้นอาจไม่ได้มาจากพระเจ้า แต่มาจากตัวฉันเอง

พระเจ้าปรารถนาให้ฉันติดตามพระองค์โดยใช้ความเชื่อและวางใจ ไม่ใช่ต้องรู้ทุกอย่าง สิ่งเหล่านี้ทำให้ฉันไม่ยึดติดความคิดตัวเอง ซึ่งมักทำให้ฉันเดินออกนอกน้ำพระทัยพระเจ้า

ลองคิดดู ความคิดของเราเองเต็มไปด้วยข้อผิดพลาดและจำกัด แต่พระเจ้าทรงเห็นทุกสิ่ง ทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต พระองค์ไม่ถูกจำกัดด้วยสิ่งใด

เมื่อย้อนคิดกลับไปถึงช่วงที่ฉันออกจากสภาพที่คุ้นเคย ฉันพบความมั่นใจในการใช้ชีวิตภายใต้น้ำพระทัยพระองค์อีกครั้ง

ไม่กี่ปีต่อมา ฉันได้แต่งงานและต้องย้ายถิ่นฐานไปไกลมาก ออกจากบ้านเกิดที่ฉันอยู่มาชั่วชีวิต ฉันรู้เหตุผลว่ามันเป็นสิ่งที่ดีที่ออกจากพื้นที่คุ้นชิน แต่ฉันไม่รู้รายละเอียดและเหตุการณ์ว่าฉันต้องเจออะไรบ้าง แต่ท้ายที่สุดฉันตัดสินใจทำมันอยู่ดี

2. เดินไปกับพระองค์ทีละก้าว

อีกเหตุผลหนึ่งที่พระเจ้าไม่ต้องการให้ฉันรู้มากไปหรือเร็วเกินไป เพราะถ้ารู้เร็วเกินไป ฉันอาจรับไม่ไหวและยอมแพ้เพราะดูเหมือนว่ามันยากเกินไปสำหรับฉัน

ฉันอาจรู้ว่าปลายทางที่จะไปแต่ก็ไม่จำเป็นต้องรู้ว่าจะไปอย่างไร และการไม่รู้ว่าจะเดินไปอย่างไรนี่ล่ะ ทำให้ฉันกังวลและกระวนกระวาย ไม่มีใครสร้างสรรค์ผลงานดีๆ ภายใต้ความกดดันได้

พระเจ้าไม่ได้ต้องการให้ฉันก้าวไปข้างหน้าทีละ 5 ไมล์บนเส้นทางนี้ แต่ให้ก้าวทีละก้าว เพราะทุกคนสามารถก้าวออกไปได้ทีละหนึ่งก้าวเท่านั้น

ครั้งหนึ่งฉันเคยฝึกไต่เชือกซึ่งอยู่เหนือพื้น 20 ฟุต ความคิดแว่บแรกคือฉันคงไม่มีทางรักษาการทรงตัวให้เดินข้ามไปได้ แม้จะสวมสายรัดนิรภัยแล้ว แต่เหมือนความกระวนกระวายใจของฉันไม่ได้รับรู้ถึงความปลอดภัยอันนั้นเลย ฉันยังรู้สึกกลัวอยู่

แต่เมื่อฉันค่อยๆ เดินไปทีละก้าว ที่สุดฉันก็ไปถึงปลายทางได้

3. การกระทำจะลดความกังวลใจ

ฉันมักเป็นพวกคิดวิเคราะห์เยอะไปจนทำให้วิตกกังวลและไม่กล้าลงมือทำ ดังนั้นการลงมือปฏิบัติจึงช่วยลดทอนความกังวลลงได้ เพราะเมื่อลงมือทำอะไรบางอย่าง มันจะยกชีวิตเราเองขึ้นมา ฉันจึงจดจ่อกับงานที่อยู่ในมือ ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่ตามมา ความกังวลในอนาคตมักเกิดก่อนที่จะลงมือทำบางสิ่งให้เสร็จ

ดังนั้นการลงมือทำอย่างสม่ำเสมอ มักช่วยลบจากความกังวลใจในอนาคตและความผิดหวังในอดีต

กลับมาที่การฝึกไต่เชือก ฉันได้ตระหนักว่าความกังวลใจมาก่อนที่ฉันจะเริ่มต้นไต่ในแต่ละครั้ง ฉันคิดถึงความเป็นไปได้ที่จะพลาดตกก่อนตั้งแต่ก้าวแรก แต่เมื่อฉันตัดสินใจและก้าวขาไป การลงมือทำได้ลดทอนความกลัว เพราะว่าฉันไม่ได้คิดถึงมันแล้ว

บทเรียนพิเศษ: พระเจ้าอยู่ด้วยในทุกที่ๆ ฉันไป

อับรามพร้อมเชื่อฟังพระเจ้าในเบื้องหน้าที่ยังไม่รู้  นั่นเพราะเขาเชื่อว่าพระองค์สถิตอยู่กับเขา ฉันเองก็มั่นใจเพราะพระเยซูตรัสว่า “…และแน่นอน เราจะอยู่กับท่านทั้งหลายเสมอไปตราบจนสิ้นยุค–TNCV”  (ตราบจนสิ้นยุค หมายความถึง ทุกช่วงเวลาในชีวิตฉัน)

พระเจ้ากำลังบอกให้คุณออกจากสภาพที่เคยชิน และมุ่งหน้าไปโดยไม่รู้จุดหมายไหม? ถ้าเป็นอย่างนั้น จงใช้เวลากับพระวจนะในการใคร่ครวญและรอคอยให้พระองค์ประทานก้าวแรกให้คุณ อย่าเพิ่งไปคิดถึงแผนการทั้งหมด จงมองหาก้าวแรก

โดยความเชื่อเมื่ออับราฮัมได้รับการทรงเรียกให้ไปยังสถานที่ซึ่งเขาจะได้รับเป็นมรดกในภายหลัง เขาก็เชื่อฟังและออกเดินทางถึงแม้เขาไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน  (ฮีบรู 11:8)

 

บทความต้นฉบับ:  Jennifer Heeren (คลิกที่นี่)
แปล:  Joke
เรียบเรียง:  ธารา วงศ์ศิริสิน
ออกแบบ:  Rainniedesign

ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง