“ข้าพเจ้าเชื่อว่า โลกของเรานี้ต้องการ ‘ข่าวประเสริฐ’
เหมือนคนหมดหวังที่ต้องการได้ยินข่าวดี!”
(I believe our world desperately needs Good News)
Rob Bell
ชีวิตของเราจะยินดีเมื่อเราได้ยินข่าวดี คนอื่นก็เช่นกัน!
ในทำนองกลับกัน เราคงไม่ยินดีเมื่อได้ยินข่าวร้าย คนอื่นก็เช่นเดียวกัน!
—————————
คริสต์มาส เป็นเรื่องราวของข่าวดี ที่ควรทำให้เราและคนอื่นๆ ที่ได้รับฟังเกิดความปรีดีในจิตใจ เช่นเดียวกัน!
สวรรค์ส่งข่าวดีมาให้แก่มนุษย์โลกอย่างเราทั้งหลาย
ผู้ซึ่งกำลังอยู่ในความมืดมิดของชีวิตอันน่ากลัวและน่าเป็นห่วงทั้งในปัจจุบันและในอนาคต
เรากำลังอยู่ในโลกชั่วคราวนี้ ใต้อิทธิพลอำนาจบาป และถ้าไม่ได้รับความช่วยเหลือ
เราจะต้องตายและรับโทษบาปที่เราทำอย่างถาวรตลอดไปในนรก
บางคนรู้ตัว แต่บางคนยังไม่รู้ตัวเลย!
ข่าวดีเป็นเหมือนแสงสว่างแห่งความหวังและความช่วยเหลือให้รอดพ้น
จากสภาวะที่ดูสิ้นหวังทั้งในโลกนี้ และโลกหน้าของมวลมนุษยชาติ
—————————
นี่คือข่าวดี เมื่อ… พระผู้ช่วยให้รอดของเราและของโลกคือ พระคริสต์เจ้า
- มาบังเกิดเป็นพระกุมาร ในวันคริสต์มาส (Christmas Day)
- เติบโตเป็นหนุ่มฉกรรจ์ เต็มใจยอมถูกตรึงตายรับโทษไถ่บาปของมนุษย์ทั้งหลายรวมทั้งของตัวเรา ในวันศุกร์ประเสริฐ (Good Friday) ซึ่งเป็นวิธีเดียวที่จะช่วยเราให้รอดได้
- เป็นขึ้นมาจากความตาย ในวันอาทิตย์ ที่เรียกว่า วันอีสเตอร์ (Easter Sunday)
- และพระองค์สัญญาว่า จะเสด็จกลับมาครั้งที่ 2 (Second Coming) เพื่อรับเหล่าบรรดาผู้ที่ถ่อมใจสารภาพบาปผิด และเปิดใจยอมรับความรอดที่พระองค์ประทานมาให้ เป็นพระคุณ (ด้วยการแสดงความเชื่อศรัทธาในใจออกมา และยอมรับด้วยปากเมื่อได้ยินข่าวดี (Good News) หรือข่าวประเสริฐ (Gospel) อันเป็นเรื่องราวที่พระเยซูคริสต์แห่งวันคริสต์มาสทรงเสียสละกระทำ เพื่อจ่ายหนี้โทษบาปแทนเรา และช่วยไถ่เราให้รอดอย่างสมบูรณ์)
พระเยซูคริสต์จึงไม่เพียงแค่เป็นผู้นำข่าวดีมาสู่โลก
แต่ตัวพระองค์เองนั่นแหล่ะคือ ข่าวดีนั้นเอง!
เหมือนที่ Timothy Keller กล่าวไว้ว่า “Jesus does not just bring good news; he is the good news.”
นี่คือ ข่าวดี ที่มาแจ้งว่า เรารอดได้โดยพระคุณของพระเจ้า เพราะความเชื่อศรัทธาของเราอย่างจริงใจ
โดยที่เราไม่ต้องทำดีทำบุญมากมายอะไรเพื่อจะรอด
เพราะว่าเป็นไปไม่ได้ที่เราจะรอดด้วยการกระทำของเรา
เพราะบาปที่เราทำ และหนี้บาปนั้น มากมายเกินกว่าที่มนุษย์อย่างเราจะชดใช้ได้หมด
ไม่ว่าเราจะพยายามจ่ายคืนเท่าไรก็ตาม ก็ไร้ประโยชน์
ไม่ว่าเราจะมั่งคั่งร่ำรวย หรือมีสติปัญญาฉลาดมากสักแค่ไหน ก็ไร้ความหมาย
ไม่ว่าเราจะทำดีทำบุญมากเพียงใด ก็ไร้ค่า
คริสต์มาส จึงเรื่องราวข่าวดี ที่มาพร้อมกับพระสิริของพระเจ้าในที่สูงสุด
และสันติสุขท่ามกลางมนุษย์ทั้งหลายที่พระเจ้าทรงโปรดปราน
—————————
วันนี้ คุณพร้อมหรือยังที่จะเป็นคนหนึ่งที่ได้รับความโปรดปรานจากพระเจ้า ที่ยอมรับพระคุณของพระเจ้า ด้วยความเชื่อในข่าวประเสริฐ ซึ่งทำให้เราได้รับความรอดพ้นจากหนี้และโทษบาปกรรมทั้งหลายที่เราก่อมาทั้งชีวิต โดยการไถ่บาปจ่ายหนี้แทนเราที่พระเยซูคริสต์แห่งวันคริสต์มาส พระบุตรของพระเจ้าทรงกระทำเพื่อเราบนไม้กางเขนแล้ว?
ถ้า คุณพร้อมที่จะยอมรับการไถ่บาปเพื่อคุณโดยองค์พระคริสต์อย่างเต็มใจ
นี่ก็คือ ข่าวดีที่สุดของวันนี้ สำหรับคุณ และสำหรับพระเจ้าผู้ทรงรักคุณ
และหากว่า คุณเชื่อในข่าวดีนี้แล้วและส่งข่าวดีนี้ให้คนอื่นๆ ได้รับรู้ เชื่อและรับความรอดเช่นกัน
บนสวรรค์ก็จะยิ่งเต็มไปด้วยความชื่นชมยินดีขึ้นไปอีก
คำเตือนสติคือ
“ข่าวดีจะเป็นข่าวดีก็ต่อเมื่อ มันไปถึงคนที่ต้องการได้ทันเวลา!”
(The gospel is only good news if it gets there in time)
Carl F.H. Henry
ขอให้เรามาทำให้สวรรค์และโลก เต็มเปี่ยมด้วยความเปรมปรีดิ์ เพราะข่าวดีนี้ ด้วยกัน อย่างทันเวลา
…จะดีไหมครับ?
—————————
ในแถบนั้นมีพวกคนเลี้ยงแกะอยู่กลางทุ่งกำลังเฝ้าฝูงแกะของเขาในเวลากลางคืน มีทูตสวรรค์องค์หนึ่งขององค์พระผู้เป็นเจ้า มาปรากฏแก่พวกเขา และพระรัศมีขององค์พระผู้เป็นเจ้าส่องล้อมรอบเขา และเขากลัวนัก
ทูตสวรรค์องค์นั้นกล่าวกับเขาทั้งหลายว่า “อย่ากลัวเลย เพราะเรานำข่าวดีมายังพวกท่าน เป็นความยินดีอย่างยิ่งที่จะมาถึงคนทั้งหลาย เพราะว่าในวันนี้ พระผู้ช่วยให้รอดของพวกท่านคือพระคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้ามาประสูติที่เมืองของดาวิด นี่จะเป็นหมายสำคัญสำหรับพวกท่าน คือท่านจะพบพระกุมารนั้นพันผ้าอ้อมนอนอยู่ในรางหญ้า”
ในทันใดนั้น ชาวสวรรค์หมู่หนึ่งมาปรากฏอยู่กับทูตสวรรค์องค์นั้นร่วมสรรเสริญพระเจ้าว่า “พระสิริจงมีแด่พระเจ้าในที่สูงสุด ส่วนบนแผ่นดินโลก สันติสุขจงมีท่ามกลางมนุษย์ทั้งหลายที่พระองค์โปรดปรานนั้น”
(ลูกา 2:8-14)
บทความ: อ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์
ภาพ: Walter Chávez on Unsplash
ออกแบบ: Zippy
บทสนทนา
ไม่มีความคิดเห็น