ถ้าจะพูดถึง เรื่องเล่าอันโด่งดังของพระคัมภีร์สักเรื่องหนึ่ง คงหนีไม่พ้น “ชาวสะมาเรียใจดี” (ลก. 10:25–37)
มันคือเรื่องระดับตำนาน ที่พระเยซูใช้สอนแนวคิด “การรักเพื่อนบ้าน”
เรื่องย่อๆ คือ มีชาวสะมาเรียคนหนึ่งใจดีเกิ๊นนนนนน ช่วยเหลือคนบาดเจ็บริมถนน แม้จะเป็นคู่อริกัน (ยิวกับสะมาเรียไม่ชอบขี้หน้ากัน เหมือนเสื้อเหลืองกับเสื้อแดง) ทั้งยังทำแผลให้ พาไปส่งโรงแรม ออกค่าใช้จ่ายให้ คือ “ใจดี สปอร์ต สะมาเรีย” สุดๆ
แน่นอน ว่าคริสเตียนหลายคนคงอยากเป็น “ชาวสะมาเรียใจดี” ในศตวรรษที่ 21 กัน แต่ก็พบว่าเป็นเรื่องยากสุดๆ ที่เราจะใจดี สปอร์ต ได้เบอร์นั้น
ยิ่งถ้าน้องอาศัยอยู่ในตัวเมือง เร่งรีบ ยุ่งเหยิง ไม่สนใจกัน โอกาสที่น้องจะสามารถทำตัวเป็นชาวสะมาเรียใจดีได้ แทบจะเป็นศูนย์ T_T
บทความนี้ พี่ซันเลยจะมาเขียนกฎข้อหนึ่ง ที่อาจช่วยให้น้องเริ่มต้นเป็น “ชาวสะมาเรียใจดี” ในศตวรรษที่ 21 ได้
กฎช่วย 5 นาที
กฎข้อนี้คงไม่ได้เปลี่ยนน้องให้กลายเป็นชาวสะมาเรียใจดีภายในพริบตา แต่มันก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ที่จะทำให้น้องเริ่มรักเพื่อนบ้านได้มากขึ้น
กฎนี้ค่อนข้างเรียบง่ายทีเดียว คำสั่งมีอยู่ว่า “น้องต้องช่วยทุกคนที่ร้องขอ ถ้ามันกินเวลาน้องไม่เกิน 5 นาที”
จบ
ส่วนตัวพี่ซัน ก็ใช้กฎข้อนี้อยู่เหมือนกัน แล้วพบว่ามันช่วยได้มากทีเดียว (ก็เลยอยากเอามาเล่าให้ฟัง)
ยกตัวอย่างเช่น
- แม่ขอให้ช่วยเอาขยะไปทิ้ง หลังจากคำนวณแล้วว่ามันกินเวลาเราไม่เกิน 5 นาทีแน่ๆ ก็ตอบรับไปเล้ย!
- เพื่อนขอให้ไปเอาเอกสารเป็นเพื่อน ทั้งๆ ที่เราขี้เกียจไป แต่มันกินเวลาไม่เกิน 5 นาที ก็เอาวะ! ไปสักหน่อย
- คนแปลกหน้ากำลังหลงทาง และต้องการให้เราแนะนำสายรถเมล์ อันนี้ก็ไม่น่ากินเวลาเกิน 5 นาทีเหมือนกัน เจอกรณีแบบนี้ ช่วยไปเลยครับ
เป็นไง? พลังของกฎข้อนี้เรียบง่ายไหมครับ? เห็นง่ายๆ แบบนี้ แต่มันเปลี่ยนชีวิตได้เลยนะ
ในการเป็นชาวสะมาเรียใจดี พี่ซันว่าน้องไม่ต้องไปเป็น Iron man ช่วยกอบกู้โลกหรอก แค่การที่น้องช่วยเหลือเพื่อนบ้านในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้แหละ คือจุดเริ่มต้นของการเป็นชาวสะมาเรียใจดี
ดังนั้น พี่หวังว่า “กฎช่วย 5 นาที” จะเป็นหนึ่งในกฎที่น้องนำไปใช้ แล้วมันจะมีส่วนช่วยให้น้องรักเพื่อนบ้านได้มากขึ้นนะครับ
คำเตือน : ไม่ใช่ว่าน้องใช้กฎช่วย 5 นาที แล้วจะปฏิเสธทุกความช่วยเหลือที่กินเวลาเกิน 5 นาทีนะครับ กฎนี้เพียงแต่บอกว่า ถ้ามันกินเวลาน้อยกว่า 5 นาที ให้รับทั้งหมด!!
บทสนทนา
ไม่มีความคิดเห็น