ปกติ เราไม่อยากเสียเวลาไปเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเราจริงไหม?
บางที ขนาดบางเรื่องเกี่ยวกับเราแท้ๆ เรายังไม่อยากเกี่ยวข้องเลย
เพียงแค่ เพราะเรารู้สึกว่า ไกลตัว ไปนิด!
อย่างเช่น เรื่องโลกร้อน (Global Warming) หรือปัญหาสภาพแวดล้อมต่างๆ
ตราบใดที่ขยะไม่ได้กองอยู่หน้าบ้านเรา (แม้ว่ามันจะกองอยู่หน้าข้างบ้านเราก็ตาม)
เราก็ยังไม่อยากไปยุ่งเกี่ยวเลย
เราคงเลือกเดินอ้อมกองขยะนั้น เข้าบ้านทุกวันก็ยังได้
คริสต์มาส ก็เช่นกัน ถ้ามันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเรา
เราจะไปยุ่งเกี่ยวกับมันทำไม?
คุณเลยอาจถามว่า “ตกลงว่า คริสต์มาสนี่มันเกี่ยวอะไรกับฉันไหม?”
————————
ถ้างั้น คงต้องถามอีกว่า
หากในโลกนี้ มีโรคระบาดร้ายแรงทำให้คนตายตลอดเวลา อย่างสิ้นหวัง
เพราะไม่มี ตัวยาใดมารักษา ให้หายได้เลย
แต่แล้ววันหนึ่งมีอภิอภิมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในโลก ซึ่งมีลูกชายเป็นสุดยอดนักวิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ทุ่มเทชีวิต ในการค้นคว้าทดลองจนค้นพบยารักษาโรคระบาดนั้นได้ แต่เป็นยาที่ยากจะได้มาและแพงมหาศาล จนเราไม่มีปัญญาจะหามาได้ด้วยตัวเอง
แต่เพราะความรักเมตตาของบุตรชายผู้เป็นที่รักของมหาศรษฐี เขาจึงได้ยอมสละชีวิตเพื่อจะได้ตัวยานั้นมาและ เวลานี้ ได้ส่งยานั้นมาให้เราด้วย เพื่อช่วยเราและครอบครัวของเราที่กำลังป่วยให้รอดตาย
คำถามคือ “คุณจะรับไหม?”
ถ้า เป็นเรื่องอย่างนี้ คุณคิดว่า จะเกี่ยวข้องกับเราไหม?
ถ้าคำตอบ คือเกี่ยวข้อง!
เรื่องคริสต์มาส ก็เกี่ยวกับเราด้วย!
เกี่ยวกันอย่างไรนะหรือ?
————————
ก็เพราะคริสต์มาส คือเรื่องราวเหมือนเรื่องข้างต้น แต่เป็นมิติฝ่ายจิตวิญญาณ
นั่นคือไม่ใช่เป็นแค่เรื่องที่มนุษย์ป่วยเป็นโรคร้ายแรงจนทำให้เราตายทางกายภาพ (ของตัวตนชั่วคราว)
แต่ยังเป็นโรคบาปที่นำไปสู่ความตายทางจิตวิญญาณ (ของตัวตนแท้ถาวร) ที่ไม่มียาใดในโลกรักษาให้หายได้
มีแต่ พระเจ้า ผู้ทรงเปรียบเสมือน องค์ราชามหาเศรษฐีแห่งสรวงสวรรค์ ผู้มีพระทัยรักเมตตาต่อมวลมนุษยชาติที่กำลังป่วยหนักและต้องตายเพราะโรคบาปร้ายแรงนั้น
โดยทรงส่งพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ ลงมารับสภาพอย่างมนุษย์ เพื่อเป็นดุจยารักษาโรคบาปให้หาย โดยมีตัวยาพิเศษสุดคือ ชีวิตที่ต้องสละ และโลหิตที่ต้องไหลออกจากกายของพระองค์ เพื่อไถ่บาปของเราทุกคนในโลกที่ยอมรับตัวยาที่จะช่วยให้รอดนี้
————————
เรื่องราวความรักยิ่งอันแสนน่าประทับใจ คือเรื่องราวคริสต์มาส เมี่อพระเจ้าส่งพระบุตรของพระองค์ลงมา
ทรงพระนามว่า “เยซู” (Jesus) ที่แปลว่า “ผู้ช่วยให้รอด” (Savior)
และมีตำแหน่งว่า “คริสต์” (Christ) หรือ “ผู้ที่ได้รับการเจิมตั้ง”
ทรงเสด็จลงมาประสูติเป็นมนุษย์ ถือกำเนิดผ่านครรภ์ของหญิงพรหมจารี นามว่า มารีย์ ที่มีคู่หมั้นที่ยังไม่ได้มีเพศสัมพันธ์ต่อกันนามว่า “โยเซฟ” ดังที่บันทึกไว้ ในพระคัมภีร์ไบเบิลว่า
“เรื่องการประสูติของพระเยซูคริสต์เป็นดังนี้ คือมารีย์ผู้เป็นมารดาของพระเยซูนั้น เดิมโยเซฟได้สู่ขอหมั้นกันไว้แล้ว ก่อนที่จะได้อยู่กินด้วยกันก็ปรากฏว่า มารีย์มีครรภ์แล้วด้วยเดชพระวิญญาณบริสุทธิ์
แต่โยเซฟคู่หมั้นของเธอเป็นคนชอบธรรม ไม่ต้องการจะแพร่งพรายความเป็นไปของเธอ ต้องการจะถอนหมั้นเสียลับๆ เมื่อโยเซฟยังคิดเรื่องนี้อยู่ ก็มีทูตสวรรค์องค์หนึ่งขององค์พระผู้เป็นเจ้า มาปรากฏแก่โยเซฟในความฝันว่า “โยเซฟบุตรดาวิด อย่ากลัวที่จะรับมารีย์มาเป็นภรรยาของท่านเลย เพราะว่าผู้ซึ่งปฏิสนธิในครรภ์ของเธอเป็นโดยเดชพระวิญญาณบริสุทธิ์ เธอจะให้พระกำเนิดบุตรชาย แล้วจงเรียกนามท่านว่า เยซู เพราะว่าท่านจะทรงช่วยชนชาติของท่านให้รอดจากบาปของพวกเขา”
ทั้งนี้เกิดขึ้นเพื่อจะให้สำเร็จตามพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้า ซึ่งตรัสผ่านทางผู้เผยพระวจนะว่า “นี่แน่ะ หญิงพรหมจารีคนหนึ่งจะตั้งครรภ์ และคลอดบุตรชายคนหนึ่ง และเขาจะเรียกนามของท่านว่าอิมมานูเอล” (แปลว่า พระเจ้าสถิตกับเรา )
เมื่อโยเซฟตื่นขึ้นก็ทำตามคำซึ่งทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าสั่งนั้น คือได้รับมารีย์มาเป็นภรรยา แต่ไม่ได้มีเพศสัมพันธ์กับเธอจนกว่าให้พระกำเนิดบุตรชายแล้ว และโยเซฟเรียกนามของบุตรนั้นว่าเยซู”
– มัทธิว 1:18-25 –
และ
“อยู่มาคราวนั้น มีรับสั่งจากจักรพรรดิออกัสตัสให้จดทะเบียนสำมะโนครัวทั่วทั้งแผ่นดิน นี่เป็นครั้งแรกที่มีการจดทะเบียนสำมะโนครัว เกิดขึ้นในสมัยที่คีรินิอัสเป็นเจ้าเมืองซีเรีย คนทั้งหลายต่างก็ไปจดทะเบียนที่เมืองของตน โยเซฟก็เดินทางจากเมืองนาซาเร็ธแคว้นกาลิลี ไปที่เมืองของดาวิดชื่อเบธเลเฮมในแคว้นยูเดียด้วย เพราะว่าเขาเป็นวงศ์วานและเชื้อสายของดาวิด เขาไปจดทะเบียนพร้อมกับมารีย์หญิงที่เขาหมั้นไว้แล้วและกำลังตั้งครรภ์
ขณะเขาทั้งสองอยู่ที่นั่น ก็ถึงเวลาที่มารีย์จะคลอดบุตร นางจึงคลอดบุตรชายหัวปี เอาผ้าอ้อมพันและวางไว้ในรางหญ้า เพราะว่าไม่มีที่ว่างในโรงแรมสำหรับพวกเขา
ในแถบนั้นมีพวกคนเลี้ยงแกะอยู่กลางทุ่งกำลังเฝ้าฝูงแกะของเขาในเวลากลางคืน มีทูตสวรรค์องค์หนึ่งขององค์พระผู้เป็นเจ้า มาปรากฏแก่พวกเขา และพระรัศมีขององค์พระผู้เป็นเจ้าส่องล้อมรอบเขา และเขากลัวนัก ทูตสวรรค์องค์นั้นกล่าวกับเขาทั้งหลายว่า “อย่ากลัวเลย เพราะเรานำข่าวดีมายังพวกท่าน เป็นความยินดีอย่างยิ่งที่จะมาถึงคนทั้งหลาย เพราะว่าในวันนี้ พระผู้ช่วยให้รอดของพวกท่านคือพระคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้ามาประสูติที่เมืองของดาวิด นี่จะเป็นหมายสำคัญสำหรับพวกท่าน คือท่านจะพบพระกุมารนั้นพันผ้าอ้อมนอนอยู่ในรางหญ้า”
ในทันใดนั้น ชาวสวรรค์หมู่หนึ่งมาปรากฏอยู่กับทูตสวรรค์องค์นั้นร่วมสรรเสริญพระเจ้าว่า “พระสิริจงมีแด่พระเจ้าในที่สูงสุด ส่วนบนแผ่นดินโลก สันติสุขจงมีท่ามกลางมนุษย์ทั้งหลายที่พระองค์โปรดปรานนั้น”
เมื่อทูตสวรรค์เหล่านั้นไปจากพวกเขาขึ้นสู่สวรรค์แล้ว บรรดาคนเลี้ยงแกะก็พูดกันว่า “ให้เราไปยังเมืองเบธเลเฮมดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงแจ้งกับเรา” เขาก็รีบไป แล้วพบนางมารีย์กับโยเซฟ และพบพระกุมารนั้นนอนอยู่ในรางหญ้า เมื่อพวกเขาเห็นแล้วจึงเล่าเรื่องที่เขาได้ยินถึงพระกุมารนั้น คนทั้งหลายที่ได้ยินก็ประหลาดใจเกี่ยวกับเรื่องที่คนเลี้ยงแกะบอกกับเขา
ส่วนนางมารีย์ก็เก็บสิ่งเหล่านั้นไว้และรำพึงอยู่ในใจ บรรดาคนเลี้ยงแกะจึงกลับไปถวายพระเกียรติและสรรเสริญพระเจ้า สำหรับเหตุการณ์ทุกอย่างที่เขาได้ยินและได้เห็นดังที่กล่าวไว้กับพวกเขา หลังจากครบแปดวันซึ่งเป็นวันที่จะให้พระกุมารนั้นเข้าสุหนัต เขาจึงให้นามว่าเยซู ดังที่ทูตสวรรค์กล่าวไว้ก่อน จะปฏิสนธิในครรภ์”
– ลูกา 2:1-21 –
ใช่ครับ พระเยซูคริสต์ผู้มาบังเกิด ในวันคริสต์มาส นี้ คือ ยาวิเศษ จากสวรรค์ที่ถูกส่งลงมา จากพระเจ้าผู้เปี่ยมรัก เพื่อช่วยรักษาเราให้รอดพ้นจากความตายถาวรเพราะโรคบาป
————————
เป็นเรื่องน่ายินดี ที่
“พระเจ้าทรงเห็นเราอย่างที่เราเป็น
ทรงรักเราอย่างที่เราเป็น
และทรงยอมรับเราอย่างที่เราเป็น
แต่ โดยพระคุณของพระองค์
พระองค์ไม่ได้ปล่อยเราให้เป็นอย่างที่เราเป็น!”
(God sees us as we are, loves us as we are, and accepts us as we are.
But by His grace, He does not leave us as we are.)
Timothy Keller
————————
ต้องขอบคุณพระเจ้า พระองค์ทรงรักเรามากเกินกว่าจะปล่อยให้เรายังเป็นคนบาปที่ต้องรับโทษบาปในนรกนิรันดร์ พระเจ้าจึงทรงให้เกิดวันคริสต์มาสขึ้น เพื่อให้พระคริสต์เสด็จลงมาช่วยเราให้รอด
หากว่าเราต้อนรับพระคริสต์เข้าไปในใจ ก็เปรียบดังกับว่า เรากินยารักษาที่ตรงโรคเข้าไปในร่างกายของเรา
เราจะหายจากโรค รอดตาย และมีชีวิตใหม่ที่จะอยู่กับพระเจ้าในสวรรค์เป็นนิตย์นิรันดร์
ตอนนี้ คุณเข้าใจหรือยังว่า คริสต์มาสนี้ เกี่ยวข้องกับคุณอย่างลึกซึ้ง จนเกินว่าที่คุณจะเพิกเฉย ต่อไปได้อีกแล้ว
ดังนั้น ถ้าเป็นได้ ก็ขอให้คุณต้อนรับพระคริสต์แห่งวันคริสต์มาส เข้าสู่ชีวิตของคุณด้วยความเต็มใจ
เพื่อว่า คุณจะได้เฉลิมฉลองวันคริสต์มาสกับพี่น้องคนอื่นๆ ของคุณทั่วโลกได้อย่างสุดๆ ไปเลย
…จะดีไหม?
บทความ: อ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์
ภาพ: freepik.com
ออกแบบ: Sinn
บทสนทนา
ไม่มีความคิดเห็น