คืนหนึ่งในเทศกาลคริสต์มาส ชายคนหนึ่งได้ปฏิเสธคำเชิญชวนจากภรรยาให้ไปร่วมรอบนมัสการในโบสถ์ เขาบอกภรรยาว่า “พระเยซูจะเป็นพระเจ้าที่ลงมารับสภาพมนุษย์ได้อย่างไรมันช่างน่าขัน และไร้เหตุผลสิ้นดี”
จนกระทั่งในคืนวันนั้นท่ามกลางพายุหิมะหนัก ขณะนั่งผิงไฟอยู่ลำพัง เขาพบห่านป่าฝูงหนึ่งบินมาชนหน้าต่างบ้านหลายครั้งหลายครา ห่านป่าเหล่านี้พยายามจะบินลงใต้เพื่อหลบภัยหนาว แต่ก็ต้องมาชะงักด้วยพายุหิมะ ได้แต่บินวนเวียนอยู่รอบบ้านของชายผู้นี้
ด้วยความสงสารและอยากช่วยห่านป่าฝูงนี้ เขาจึงเปิดประตูยุ้งฉางอันอบอุ่นของเขาให้กว้างออก โดยหวังว่าห่านป่าจะบินเข้าไปหลบภัยพายุ แต่ฝูงห่านกลับไม่สนใจ ได้แต่บินวนเวียนอยู่กลางพายุ เขาพยายามจะกวาดต้อนฝูงห่านเข้าไป แต่ยิ่งทำแบบนั้น มันกลับยิ่งหนีห่างออกไปด้วยความกลัว
เขาคิดว่าจะทำอย่างไรดี หากปล่อยไว้เช่นนี้ ฝูงห่านคงไม่รอดแน่ “ถ้าฉันเป็นห่าน พวกมันคงจะฟังฉันบ้าง” เมื่อคิดได้ดังนั้น เขาจึงจับห่านที่เขาเลี้ยงไว้มาวางในยุ้ง ไม่นานนักห่านป่าตัวแรกก็เริ่มบินตามเข้าไปในยุ้งฉาง จากนั้นตัวแล้วตัวเล่าก็บินตามเข้าไปหมดทั้งฝูง จนพวกมันปลอดภัย
ทันใดนั้นถ้อยคำที่ได้กล่าวกับภรรยาว่า “พระเยซูจะเป็นพระเจ้าที่ลงมารับสภาพมนุษย์ได้อย่างไรมันช่างน่าขัน และไร้เหตุผลสิ้นดี” ได้ดังก้องขึ้นอีกครั้งในหัวของเขา
เขาเริ่มเข้าใจว่าเหตุที่พระเจ้าต้องลงมารับสภาพเป็นมนุษย์ ก็เพื่อให้มนุษย์ได้เข้าใจและเปิดใจที่จะรับการช่วยเหลือจากพระองค์นั่นเอง
พระเจ้าต้องลงมารับสภาพมนุษย์ เพื่อให้มนุษย์ได้มาถึงพระเจ้า การประสูติโดยเดชพระวิญญาณเป็นการสำแดงความเป็นพระเจ้าของพระเยซู ดังเราจะเห็นผ่านคำอธิษฐานของพระเยซูที่แสดงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของพระเยซูกับพระบิดา
ที่มา : Anonymous
ภาพ : Jeswin Thomas from Pexels
ออกแบบภาพ : Nan Tharinee
บทสนทนา
ไม่มีความคิดเห็น