คุณจะนึกถึงใครหากคิดถึงคำว่า “คนทำตัวดี” กับคนอื่น
มหาตมะ คานธี? แม่ชีเทเรซา? หรือว่า พระเยซู?
ภาพวาดของศิลปิน ส่วนมากมักวาดรูปพระเยซูให้ดูเป็นผู้ชายที่ดูนิสัยดี อ่อนโยน ทำตัวน่ารัก และมักห้อมล้อมไปด้วยลูกแกะหรือเด็กเล็กๆ
แน่นอนว่าภาพเหล่านั้นไม่ได้ผิดทั้งหมด เราต่างรู้จักพระเยซู ว่าเป็น “พระเมษโปดกของพระเจ้า” (ลูกแกะของพระเจ้า) และทรงรักที่จะอวยพรเด็กทั้งหลาย
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า พระเยซูเป็นคนทำตัวน่ารัก
พระเยซูทรงเป็นมากกว่า “คนทำตัวดี”
คริสเตียนชอบที่จะบอกทุกคนว่า “พระเจ้าเป็นความรัก” พวกเขาพูดถูก พระเจ้าทรงเป็นความรัก
ใน 1 โครินธ์ 13 กล่าวว่า “ความรักนั้นก็อดทนนานและมีใจปรานี ความรักไม่อิจฉา ไม่อวดตัว ไม่หยิ่งผยอง ไม่หยาบคาย ไม่เห็นแก่ตัว ไม่ฉุนเฉียว ไม่ช่างจดจำความผิด”
ไม่มีคำว่า “ทำตัวดี” ปรากฏอยู่ในพระคัมภีร์ข้อนี้ แต่มีคำว่า “ปรานี”
ความแตกต่างระหว่าง “ทำตัวดี” และ “ความปรานี” นั้น เปรียบเสมือนความแตกต่างระหว่าง
“ความอดกลั้น” กับ “การยอมรับ”
“ความถูกต้องของสังคม” กับ “ความรัก”
“ลักษณะภายนอก”กับ “ความเป็นจริง”
ทำตัวดี จะสนใจที่ผลลัพธ์ภายนอก (หลีกเลี่ยงการสร้างความขุ่นเคืองหรือลดความขัดแย้ง)
ในขณะที่ ความเมตตาปรานี จะกลั่นออกมาจากภายใน (ความรักผู้อื่นและปรารถนาให้ผู้อื่นได้รับสิ่งที่ดี)
คนทำตัวดี ชอบให้เงินกับคนขอทาน คนใจปรานี ชวนคนขอทานมากินข้าวด้วยกันที่บ้าน
คนทำตัวดี ทักทายคุณว่าสบายดีไหม คนใจปรานี อยากรู้ความเป็นไปในชีวิตของคุณ
คนทำตัวดี จะทำสิ่งดีเป็นครั้งคราว คนใจปรานี จะรักคนอื่นเสมอต้นเสมอปลาย
พระเยซูไม่ได้เป็นคนทำตัวดี แต่พระองค์ทรงมีใจปรานี
Jesus was not nice — he was kind
พระองค์สัมผัสคนที่เป็นมลทิน
พระองค์บอกพวกสาวกว่า “ให้พาเด็กเล็กๆ นั้นมาหาเรา”
พระองค์ร่วมโต๊ะอาหารกับคนที่สังคมรังเกียจ
พระเยซูตรัสว่า “เพราะว่าพระเจ้าทรงให้พระบุตรเข้ามาในโลก ไม่ใช่เพื่อพิพากษาโลก แต่เพื่อช่วยกู้โลกให้รอดโดยพระบุตรนั้น” โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนเจ็บป่วย ท้อแท้ ถูกข่มเหงรังแก และ คนต้อยต่ำ
ถ้าคุณเจ็บป่วย ท้อแท้ และรู้สึกไร้ค่า คุณจะต้องการคนแบบไหนมากกว่ากัน คนที่เข้ามาแตะไหล่และบอกคุณว่า “สู้ๆ” หรือคนที่โอบกอดคุณไว้ รักและช่วยเหลือจนคุณสามารถกลับมายืดหยัดได้อีกครั้ง?
หากเรายอมรับกับตัวเองจริงๆ เราไม่ได้ต้องการเพียงแค่ผู้คนที่ทำตัวดีกับเรา
“คนทำตัวน่ารัก” เป็นสิ่งที่เรามองหา แต่สิ่งที่เราปรารถนาอย่างแท้จริง คือ ผู้คนที่มีจิตใจดีงาม
พระเยซูไม่สนใจว่าต้องดูเป็นคนภาพลักษณ์ดี แต่ทรงใส่ใจความชอบธรรม
คนทำตัวดีไม่สร้างศัตรู แต่พระเยซูมีศัตรูมากมาย เพราะพระองค์สนใจที่ความถูกต้องชอบธรรมมากกว่าการมีพวกพ้องเพื่อนฝูง
เพราะถ้าต้องเลือก ทรงเลือกเพียงสิ่งเดียว
พระเยซูไม่ปล่อยปละละเลยต่อพวกคนโลภที่ไม่ยอมกลับใจและยังเอาเปรียบผู้อื่นเสมอ
เมื่อทรงเห็นคนรับแลกเงินและพ่อค้าขายสัตว์ต่างๆ อยู่ที่ลานพระวิหาร (อาจค้ากำไรเกินควร และตั้งราคาไม่สมเหตุสมผล) พระองค์ทรงใช้แส้ฟาดและไล่คนเหล่านั้นออกจากบริเวณพระวิหาร และทรงคว่ำโต๊ะของบรรดาคนรับแลกเงิน (ยอห์น 2)
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่อาการโกรธจนควบคุมอารมณ์ไม่ได้ พระองค์ไม่ได้วิ่งไปทั่วพระวิหาร ร้องตะโกน และเหวี่ยงกรงขังสัตว์ (ซึ่งอาจทำให้พวกสัตว์ได้รับบาดเจ็บ)
ในทางกลับกัน พระเยซูควบคุมตัวเอง ทรงใช้เวลาในการผูกเชือกไว้เพื่อต้อนพวกสัตว์ตัวใหญ่ออกไปจากลานพระวิหาร ทรงคว่ำโต๊ะแลกเงินและสั่งให้คนเอากรงนกออกไป (เพื่อนกนั้นจะไม่ได้รับบาดเจ็บ) และห้ามไม่ให้พวกเขากลับมาหาผลประโยชน์จากผู้คนที่มาพระวิหารอีก
พระองค์ทำโดยไม่สนใจว่าสิ่งนี้จะสร้างปัญหาให้แก่ผู้อื่น ทำให้พวกเขาโกรธ หรือทำลายช่องทางหากินของพวกเขา เพราะพวกคนเหล่านี้ทำผิด ไม่เคารพสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ฉกฉวยโอกาสค้าขายกับผู้ที่เดินทางมาพระวิหาร ที่เพียงต้องการมานมัสการพระเจ้า และพระองค์ไม่ทรงขลาดกลัวที่จะไล่พวกเขาและหยุดการกระทำของพวกเขา
พระเยซูไม่ปล่อยปละละเลยต่อพวกผู้นำศาสนาที่หน้าซื่อใจคดเช่นกัน
ทรงวิจารณ์การกระทำของผู้นำศาสนาชาวยิวที่ยึดถือธรรมเนียมอันไร้ประโยชน์ ในขณะที่ละเลยในความต้องการที่แท้จริงของเพื่อนมนุษย์
พระเยซูทรงแสดงให้เห็นเป็นตัวอย่างว่า ผู้นำศาสนาที่แท้จริงควรประพฤติอย่างไร ควรดูแลผู้คนที่อยู่ภายใต้อำนาจปกครองอย่างไร
ยังมีอีกหลายสิ่งที่พระเยซูพูดกับผู้ข่มเหงเหล่านี้ ซึ่งไม่สามารถบอกได้เลยว่านี่เป็นคำพูดที่ “ไพเราะ”
แต่พระเยซูไม่สนใจที่จะทำตัวเป็นคนดี เพราะทรงใส่ใจในความชอบธรรม ทรงเขย่าผู้นำศาสนาเพื่อให้พวกเขาตระหนักถึงความโหดร้ายและความหน้าซื่อใจคดของตัวเอง และให้โอกาสพวกเขาเหล่านี้ได้กลับใจและปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น
บางครั้ง เราสามารถเอาชนะผู้คนได้ด้วยคำพูดที่สุภาพ และในบางครั้ง พวกเขาต้องถูกเคาะกะโหลกถึงจะเข้าใจ ซึ่งพระเยซูทรงใช้ทั้ง 2 วิธี
เมื่อพระเยซูดูใจร้าย
ช่วงสามปีครึ่งในงานพันธกิจ พระเยซูทรงแตะต้องรักษาผู้ต่ำต้อยทางสังคม ทรงปกป้องหญิงที่ถูกกล่าวร้ายจากพวกผู้ชายที่เย่อหยิ่ง ทรงทำให้คนตายฟื้นคืนชีวิต
แต่พระองค์ก็ทรงทำให้ผู้คนจำนวนมากโกรธเคืองด้วยเช่นกัน พวกเขาโกรธมากและได้ประหารพระองค์ในที่สุด และเรามักจะลืมเรื่องเหล่านี้ เมื่อชีวิตเรารายล้อมด้วยภาพวาดของพระเยซูผู้อ่อนโยน
ตั้งแต่วัยเด็ก เรามักจะถูกสอนให้ทำตัวดีๆ ซึ่งรวมถึงการทำตัวสุภาพ เช่น พูดขอบคุณ, อย่าถามคำถามที่ชวนกระอักกระอ่วน, อย่าพูดถึงเรื่องศาสนาหรือการเมืองในงานเลี้ยงสังสรรค์ ทั้งนี้เพื่อรักษาภาพลักษณ์ทั้งของตัวเองและผู้อื่น
เรามักลืมไปว่า เป็นไปได้ที่เราจะทำตัว “ดูดี” แค่ภายนอก ขณะที่ยังเก็บความเกลียดชังหรือดูถูกคนอื่นอยู่ในใจ
เราทำสิ่งเหล่านี้อยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าเพราะเราต้องการดูดีในสายตาของผู้อื่นที่มองเราอยู่ หรือแค่เพราะเราต้องการหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง
แต่พระเยซูไม่กลัวว่าผู้คนจะคิดอย่างไร ไม่กลัวที่จะเผชิญกับความขัดแย้ง
พระองค์ไม่ได้ห่วงภาพลักษณ์ของตัวเอง ทรงชี้หน้าพวกที่ทำหรือพูดในสิ่งผิด พร้อมเผชิญหน้ากับพวกผู้นำศาสนาที่มีใจเย่อหยิ่งซึ่งกำลังทำร้ายผู้คนแทนที่ควรจะช่วยเหลือ
อีกทั้งยังทรงไม่สนใจความถูกต้องตามบรรทัดฐานแบบโลก (หากว่ามันขัดกับความชอบธรรม)
หลังจากทรงรักษาคนป่วยหลายต่อหลายครั้ง พระเยซูมักตรัสว่า “จงไปและอย่าทำผิดบาปอีก มิเช่นนั้นสิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่าอาจเกิดขึ้นกับเจ้าอีก”
พระเยซูรู้ว่าความเจ็บป่วยและบกพร่อง เป็นผลมาจากวิธีใช้ชีวิตของคนบาป พระองค์สงสารคนเหล่านี้ แต่ก็ไม่เกรงใจที่จะตักเตือนไม่ให้พวกเขาหันไปสู่วิถีชีวิตเลวร้ายแบบเดิมอีก
ไม่มีใครหรอกที่อยากได้ยินว่าตัวเองทำผิด ทั้งความผิดพลาดในปัจจุบันและในอดีต แต่พระองค์ตั้งใจจะบอกเมื่อพวกเขาทำผิดพลาด เพราะทรงรักพวกเขามากกว่าแค่สนใจว่าคนเหล่านั้นจะคิดยังไงกับพระองค์
อะไรคือจุดยืนของพระเยซู?
จุดยืนของพระเยซูก็เพื่อแผ่นดินสวรรค์ เพื่อความจริง เพื่อการกลับใจใหม่และความรอด การให้อภัยและให้ความหวัง ทรงมาเพื่อกล่าวความจริง เยียวยาบาดแผล เพื่อไถ่ชีวิตผู้คน
หากพระองค์ทำให้บางคนสะดุดเพื่อรักษาจุดยืน พระองค์ก็เลือกที่จะทำมัน แม้จะถูกมองว่า “ทำตัวไม่น่ารัก” ก็ตาม
จำได้ไหม พระเยซูคือคนที่เรียกพวกฟาริสี (พวกชนชั้นสูงชาวยิว) ว่า “อุโมงค์ฝังศพที่ฉาบด้วยปูนขาว! เจ้าพวกงู! พวกชาติงูร้าย!” (มัทธิว 23)
ไม่รู้ว่าคุณจะคิดอย่างไร แต่คำพูดเหล่านี้ดูไม่ใช่คำพูดที่ “น่าฟัง” เท่าไรนัก ฟังดูเหมือนคำพูดที่ชวนปะทะเสียมากกว่า
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพวกฟาริสีจึงอยากให้พระองค์ตาย
ทำไมเราถึงไม่ควรทำตัวน่ารักสำหรับทุกคน?
ถ้าหากพระเยซูทำตัวดี เป็นคนน่ารัก ก็คงไม่มีใครตรึงพระองค์ที่กางเขน แต่พระองค์ก็จะปราศจากอำนาจใดๆ ที่จะไถ่มนุษยชาติหรือเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์และโลกใบนี้
คนที่ติดตามพระองค์ก็พบกับปัญหาแบบเดียวกัน สาวกเกือบทุกคนถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยมเพราะยึดมั่นในหลักคำสอนที่สวนกระแสสังคมและวัฒนธรรม … จนถึงวันนี้ ก็ยังคงเป็นเช่นนั้นอยู่
ผู้คนซึ่งยืนหยัดบนความจริง ยึดมั่นต่อหลักการที่พวกเขาเชื่อ และกล้าเผชิญหน้ากับผู้กระทำผิด ต้องเตรียมใจให้พร้อมกับการถูกตอบโต้อย่างรุนแรง
หากคุณยึดมั่นในความชอบธรรม คุณจะต้องจ่ายราคา และต้องเตรียมรับมือกับการถูกดูหมิ่น เหยียดหยาม เยาะเย้ย ถูกทำร้าย ถูกคุกคาม และอาจต้องแลกด้วยชีวิต
ถ้าอย่างนั้น เราแค่ทำตัวดีๆ ใช้ชีวิตเงียบๆ และไม่ต้องไปยุ่งกับเรื่องเหล่านั้น ไม่ดีกว่าหรือ?
มีคนกล่าวไว้ว่า:
หัวใจสู่ความล้มเหลวคือ การพยายามทำให้ทุกคนพึงพอใจ
the key to failure is trying to please everybody
และ
ถ้าคุณไม่ยืนหยัดเพื่อบางสิ่ง คุณจะล้มเหลวในทุกสิ่ง
if you don’t stand for something you will fall for anything
ในโลกยุคใหม่ที่ความคิดเห็นเป็นเรื่องใหญ่ และ “ความจริง” ของแต่ละคนต่างมีน้ำหนัก ไม่ว่ามันจะขัดแย้งกันเพียงใด เรากลับมีคนน้อยลงและน้อยลงทุกวัน ที่กล้าออกมายืนหยัดและต่อสู้เพื่อความถูกต้อง ความยุติธรรม และความจริง
หากสังคมเรายังเป็นแบบนี้ต่อไป เราจะพ่ายแพ้ ไม่ใช่แค่เราเพียงคนเดียว แต่ทั้งกลุ่ม และสังคมของเราในที่สุด
การทำตัวเป็นคนดี มีราคาที่ต้องจ่าย และคุณไม่สามารถแบกรับภาระนี้เพียงลำพัง
Being nice comes with a price. One we cannot afford
มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำตัวดีตลอดเวลา กับทุกคน ในทุกสถานการณ์ เราไม่ควรแม้แต่จะลองทำแบบนั้น
อย่าให้เราเพียงแค่ทำตัวดี แต่จงมีใจเมตตา ยืนหยัดเพื่อความชอบธรรม และเป็นเหมือนพระเยซู
จากหลักการสู่การลงมือทำ
ถ้าเราปรารถนาที่จะเป็นเหมือนพระเยซูจริงๆ เราไม่สามารถหยุดอยู่แค่การทำตัว “ดี”
อย่าเพียงแค่ทำ “ดี” กับผู้คน แต่จงมีเมตตา ช่วยเหลือผู้อื่น หรือเป็นที่พึ่งพิงในยามต้องการ
จงกล้าหาญ ยืดหยัดเพื่อความชอบธรรม และไม่ปล่อยให้ความต้องการของคุณ ทั้งความเห็นชอบหรือความเกลียดชัง เป็นชนวนไปสู่ความขัดแย้ง จนทำให้คุณไม่สามารถลุกขึ้นพูดหรือลงมือทำในสิ่งที่ควรทำ
อย่าละทิ้งหลักการที่คุณยึดมั่น เพียงเพื่อแสดงออกว่า คุณเป็นคน “ดี”
แน่นอนว่า คุณจะถูกหมายหัวจากฝ่ายตรงข้าม หากคุณยืนหยัดในความชอบธรรม พระเยซูทรงทำเช่นนั้น และท้ายที่สุด พระองค์ถูกฆ่า เพราะไม่ได้ทำตัวดี
แต่นั่นคือวิธีที่พระองค์ใช้ เพื่อช่วยพวกเราทุกคนรอด
บทความ: Jesus Was Not Nice — and You Shouldn’t be, Either
แปลและเรียบเรียง: Sawanya, Surarak, JK
ภาพ: Alessandro Bellone on Unsplash
ออกแบบ: Nan Tharinee
บทสนทนา
ไม่มีความคิดเห็น