การมาเรือในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่ออกมาใช้ชีวิตคนเดียว (แต่ไม่เดียวดาย) นอกบ้าน มีอะไรให้เรียนรู้อีกมาก หลากหลายสิ่งอาจเป็นสิ่งที่ใครๆ เห็นว่าเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับพลอยอาจจะเป็นครั้งแรกหรือน้อยครั้งที่ได้ทำ ก็มีอากู๋ดอทคอม คอยเป็นกูรูช่วยเหลือตลอดการกักตัวทั้ง 14 วัน ในแต่ละวันก็มีอะไรแปลกๆ และให้เรียนรู้กันไปในแต่ละวัน อาจจะแปลกที่เราคนเดียวหรือเปล่าอันนี้ก็ลองมาติดตามกันดูนะคะ
วันที่สองของการกักตัว : แบบที่ไม่มีกระเป๋าเดินทาง ถามว่าในกระเป๋าใบเล็กที่ถือขึ้นเครื่องนั้นมีอะไรบ้าง ก็มีของใช้จำเป็นอยู่ 1 ชุด ต้องมานั่งคิดแล้วว่าจะทำอย่างไรถึงจะอยู่รอดไป 1 สัปดาห์ สิ่งแรกที่อยากทำเลยคือ….สระผมกับซักผ้าแต่ทำอย่างไรดีนะ เพราะเรามีแค่สบู่ก้อนเดียว!
แต่เมื่อไม่มีทางเลือกและอากู๋ดอทคอมไม่บอกสิ่งใด ก็ลองใช้มันดู ผลที่ได้ก็ผมแข็งๆ หน่อย ส่วนผ้าที่ซักก็ไม่ได้แย่นะ แต่พอเอาไปตากข้างนอกห้องก็มีเจ้าหน้าที่บอกว่า เขามีบริการซักนะ พอถึงอีกวันที่คนอื่นๆ ส่งซักผ้าเขาก็บอกกันในกลุ่มว่าให้ทุกคนเขียนชื่อติดไว้ที่เสื้อผ้า หากไม่มีที่ให้เขียนชื่อก็ให้เย็บผ้าเข้าไปเพิ่ม เพื่อจะได้เขียนชื่อลงบนผ้านั้น ตอนนี้หละ เราก็ได้ดึงเอาสกิลสมัยมัธยมมาใช้แบบงงๆ แต่ไม่ได้เย็บผ้านานมากแล้ว ก็คิดกระบวนการการเย็บในสมอง ก็พอเย็บได้อยู่แหละก็จะเละๆ หน่อย ลืมบอกไปว่าที่เย็บเนี่ย…ไม่ใช่เสื้อเรานะ เป็นของรูมเมท เราก็เลยสอนเค้าเย็บซะเลยหากเย็บให้หมดก็คงจะไม่ไหว เพราะบนเรือก็ต้องเขียนชื่อติดไว้เช่นกัน
ในวันที่หกของการกักตัว : อยู่ดีๆ เราก็ได้รับข้อความมาจากใครไม่รู้ ถามเรื่องกระเป๋าก็งงๆ แต่ก็ตอบไป สรุปได้ความว่าเพื่อนห้องข้างๆ ที่ชื่อ ดีแอน ถามความคืบหน้าเรื่องกระเป๋าว่าเป็นอย่างไรบ้าง เราก็เลยส่งรายละเอียดต่างๆ ให้เขาไป ดีแอนบอกว่าเดี๋ยวจะถามเพื่อนที่บ้านให้ ให้คนนั้นโทรติดต่อให้พวกเราหน่อย และก็ได้รับข่าวว่ากระเป๋าจะมาถึงในวันนั้นช่วง 5 โมงเย็น ให้ติดต่อไปอีกครั้ง
หลังจากนั้นดีแอนก็ได้พาพวกเราไปอีกฝั่งนึงที่เป็นระเบียง ก็ค้นพบว่ามีคนอยู่เต็มเลยค่ะ เป็นกลุ่มที่มาทีหลังพวกเรา ณ ที่นั่นทุกคนก็นั่งมองออกไปที่ทะเลกัน เพลิดเพลินกับการมองทะเลและเสียงเพลงจากขลุ่ยที่เพื่อนชาวเกาหลีนำมาเป่าให้ฟัง เหมือนว่าเขาจะเพิ่งเริ่มฝึกเป่า เพราะว่าเขาบอกว่า
วันนี้ซ้อมเพลง My heart will go on เชิญรับฟังได้ หลังจากนั่งไปสักพักนึงเพื่อนก็ได้มาชวนคุยถามเกี่ยวกับประเทศของพลอยรวมถึงเล่าเรื่องประเทศของเขาซึ่งมีคนหลากหลายชาติอาศัยรวมกันได้แก่ อินเดีย แอฟริกา และ จีน ทำให้อาหารของประเทศ Trinidad and Tobago (อยู่ในแคริบเบียน) เป็นการนำลักษณะเด่นๆ มารวมๆ กัน แต่ส่วนใหญ่มักจะออกไปในทางอินเดีย เพราะเป็นพวกแกงกะหรี่ซะเยอะ
มีเพื่อนบอกว่า นึกว่าแถบเอเชียทั้งหมดพูดภาษาจีน เหมือนที่พวกเขาแถบนี้ที่พูดภาษาอังกฤษ เขาคาดไม่ถึงว่าเอเชียของเราแต่ละประเทศนั้นจะมีภาษาที่แตกต่างกันอย่างมาก เขารู้สึกประทับใจอย่างบอกไม่ถูกเลยละคะ
วันที่แปดของการกักตัว : วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ทุกคนตื่นกันตั้งแต่เช้า แต่งตัว กินข้าว เตรียมตัวไปนมัสการร่วมกันที่ดาดฟ้าชั้น 2 ตามที่นัดหมายไว้ตอนเวลา 9 โมงเช้า ต่างแต่งตัวกันอย่างเต็มยศ อากาศดีมากถึงแม้แดดจะแรงไปสักเล็กน้อย โดยทุกอย่างจบภายใน 1 ชั่วโมง พวกเราร้องเพลงร่วมกัน 3 เพลง แบ่งปันคำพยาน และพระคัมภีร์สั้นๆ บรรยากาศของวันนี้ทุกคนต่างรู้สึกอบอุ่นไม่รู้สึกว่าเป็นคนแปลกหน้าอีกต่อไป เพราะทุกคนต่างเป็นพี่น้องในพระคริสต์ (เป็นคริสเตียนเหมือนกัน) รวมถึงทุกคนเริ่มพูดคุยทำความรู้จักกันมากยิ่งขึ้น บรรยากาศสบายๆ
ตอนบ่ายดีแอน ช่วยพวกเราแนะนำคู่มือที่จะใช้ในการอบรมออนไลน์ที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์นี้ ดีแอนกลัวว่าพวกเราจะตามไม่ทัน เลยมาเปิดผ่านๆ ไปพร้อมกันรอบนึงก่อน
หลังจากนั้นไม่นานก็มีเจ้าหน้าที่มาหาอีกครั้ง แจ้งเรื่องกระเป๋าว่าตอนนี้กระเป๋าได้อยู่ที่สนามบินแล้ว แต่ทางสนามบินต้องการรหัสของกระเป๋าเพื่อให้มั่นใจว่านี่คือกระเป๋าของเราแน่นอน หลังจากนั้นอีกสักพักใหญ่ๆ …ในที่สุด…ก็ได้กระเป๋าคืน ตอนเจ้าหน้าที่ยกมาให้เราก็แอบตะโกนบอกอีกห้องว่ากระเป๋าเรามาแล้ว ทุกคนต่างเดินมาแสดงความยินดีและต่างบอกว่าพวกเขาอธิษฐานเผื่อกระเป๋าของเราทุกวัน และรอที่จะพบกับ Teddy Bear เราเลยถามว่า เอ๊ะ! อย่างนี้ Ted ต้องกักตัว 14 วันไหมนะ ทุกคนต่างบอกว่า ต้อง!! เพราะไปเที่ยวมารอบโลกแล้ว ^0^
ช่วงหลังอาหารเย็นก็มีเกมส์ให้แข่งขันระหว่างแต่ละชั้น โดยมีสิ่งของ 100 ชิ้นให้ถ่ายส่งเข้าไปในแต่ละกลุ่ม หากกลุ่มไหนทำสำเร็จกลุ่มแรกจะได้รางวัล ทุกคนต่างช่วยเหลือกันอย่างเอาเป็นเอาตาย สนุกมากๆ บางข้อแบบ… จะไปหาจากไหนเนี้ย เช่น ยุงตาย วัว หรือ ลมแรง เป็นต้น หลังจากเกมส์จบลง ก็ได้มีโอกาสถ่ายรูปรวมกับคนในชั้น ทำให้ทุกคนมีโอกาสที่จะได้พูดคุยกันมากขึ้น และทำความรู้จักกันก่อนไปถึงเรือ
ขำตัวเองมากที่ว่า…คิดว่าใครจะไปถ่ายยุงตายได้ตอนเขียน ก็มียุงมาให้ตบตรงหน้าเลยจ้า ตัวใหญ่ใช้ได้เลย
ในขณะที่กักตัวอยู่นั้นบางวันพลอยก็ตื่นแต่เช้าตรู่ช่วงตี 5 ออกไปนั่งตากลมตากลมที่ระเบียงเงียบๆ คนเดียว อากาศเย็นมากลมแรงสุดๆ ดีที่ใส่เสื้อกันหนาวเดินออกมาด้วย พื้นค่อนข้างเปียกเพราะว่าฝนน่าจะเพิ่งหยุดตกไป
มีเก้าอี้วางอยู่ในที่ร่มเราจึงหยิบออกมาวางกลางระเบียง เพราะอยากนั่งชมงานศิลปะของพระเจ้ายามเช้าตรู่ ทั้งดวงดาวบนท้องฟ้า ก้อนเมฆ รวมถึงแสงของดวงอาทิตย์ที่กำลังจะขึ้น ขณะนั่งชมก็ได้เปิดเพลง ทีละก้าวนึง – พี่โต๋ ศักดิ์สิทธิ์ (เปิดฟังประกอบการอ่านไปด้วยก็ได้อารมณ์อีกแบบนะคะ) ฟังวนไปได้สักพักหนึ่ง ก็เริ่มได้ยินเสียงหมาเห่ากัน ทีละตัว ทีละตัวค่อยๆ ออกมาร่วมโห่ร้อง รวมถึงนกก็เริ่มออกมาร่วมร้องประสาน บวกเสียงคลื่นที่เริ่มได้ยินชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ทำให้รู้ว่าดวงอาทิตย์กำลังจะขึ้นส่องสว่างอย่างเต็มที่
ตกเย็นบางวันเราก็ได้ยินเสียงเพลงมาแต่ไกล เสียงเพลงแบบรถไอศกรีมวอลล์อะ ตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะคิดว่ามันจะขับผ่านไป สรุปตอนที่ขึ้นไปรับอาหารเย็นรถยังอยู่และมีคนกำลังเลือกซื้ออยู่ ซูซี่ผู้รักการทานไอศกรีมถึงกับวิ่งกลับไปเอาเงินที่ห้อง และบอกว่าจะเลี้ยงพวกเรา ได้ไอศกรีมมาทั้งหมดมี 4 รสชาติด้วยกัน คือ วานิลลา สตรอว์เบอรี ส้ม และถั่วพิสตาชิโอ
หากถามว่ารสชาติเป็นอย่างไร คงตอบได้ว่า ไม่สามารถหาคำบรรยายได้เลยทีเดียว มันครีมๆ ไม่เลี่ยน หวานนิดๆ รสชาติเหมือนขนมสมัยเด็กๆ กินแล้วรู้สึกกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง ถามว่า 4 รสชาติอันไหนอร่อยสุด ต้องบอกว่ารสชาติคล้ายกันไปหมดแต่ชอบถั่วพิสตาชิโอเพราะมันกลมกล่อมสุด เท่าที่รู้สึกนะคะ
หลังจากที่หลากหลายมื้อมีแต่ผัก ผัก ผัก และก็ผัก ทำให้ทุกคนเริ่มอยากจะกินไก่ทอด KFC ที่เห็นร้านที่พวกเราเห็นระหว่างนั่งรถมาจากสนามบินเมื่อสัปดาห์ก่อน ห้องของเราก็ได้สั่งชุดนึงประกอบไปด้วย ไก่ 5 ชิ้น แฟรนฟราย 2 โค้ก 2 แล้วก้อนหนมปังหรืออะไรสักอย่างอีก 1 ไก่ที่เราได้มามี 2 แบบด้วยกันคือ ไก่กรอบ และไก่นุ่ม
รสชาติเป็นอย่างไรนะหรือคะ อยากให้ทุกคนลองทำตามอย่างนี้นะคะ เปิดมือถือของคุณแล้วโทร 1150 คุณจะได้ไก่รสชาติเดียวกับที่ St.Vincent เลยค่ะ ส่วนราคาที่นี่นั้น แพงกว่าที่ไทยเท่าตัว ซูซี่บอกรสชาติไม่เหมือนกับที่จีนนะ พวกเราจึงคุยกันว่า จะไปลอง KFC ทุกประเทศที่ผ่านเลย
ตกกลางคืนหลังจากที่เรากินข้าวเย็นเสร็จก็มีคนมาตามเราและบอกว่า ที่ระเบียงของชั้นเราจะมีร่วมกันนมัสการและอธิษฐานสั้นๆ เป็นค่ำคืนที่อบอุ่น พวกเราได้อธิษฐานเผื่อสถานการณ์โควิด-19 รวมถึงเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ดูแลพวกเรา ถึงแม้ว่าพวกเราจะมาจากต่างที่ ต่างภาษา แต่พวกเราก็สามารถร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าร่วมกันได้ และพวกเราก็เชื่อว่าพระเจ้าอยู่ด้วยกับพวกเรา
“เพราะว่ามีสองสามคนประชุมกันที่ไหนในนามของเรา เราจะอยู่ท่ามกลางพวกเขาที่นั่น” มัทธิว 18:20
กักตัววันที่สิบสอง : ตอนตรวจอุณหภูมิก่อนรับอาหารในวันนี้ เค้าก็ถามชื่อเรา จริงๆ เค้าก็ถามชื่อทุกคนแหละ แต่ว่าชื่อเราเค้าหาไม่เจอทุ๊กที เราก็บอกหลายทีแต่เค้าก็ยังคงหาไม่เจอ เลยลองบอกไปว่า อันที่ยาวๆ ขึ้นต้นด้วยตัว Vich อะค่ะ เค้าหาเจอทันทีเลย 5555
วันนี้อาหารเย็นของเราเป็น ผัดเปรี้ยวหวาน รับประกันเลยว่าใช่แน่ๆ แต่เปรี้ยวสุดหวานสุดมากเกินจะหาคำมาบรรยาย ข้าวได้มานิดเดียว เพื่อนๆ จึงนำขนมปังที่มีมากมายนั้นมากินร่วม ฟิวชั่นไปอี๊ก 555 อ่อ! วันนี้มีของหวานด้วยเป็นบราวนี่ที่ราดซอสเปรี้ยวหวาน (เพราะโดนน้ำซอสหกใส่เล็กน้อย) รสชาติเป็นอย่างไร ลองไปทำตามดูนะคะ อิอิ
ช่วงกลางคืนมีร่วมอธิษฐานอีกเหมือนเมื่อวานและคงจะมีไปเรื่อยๆ ทุกคืนก่อนออกจากกักตัวเป็นแน่ พอแยกย้าย พวกเราก็ได้ลองเดินกลับมาที่ห้องโดยใช้อีกทางหนึ่ง คือเดินลงไปเรื่อยๆ ซึ่งเหมือนอ้อมโลกอ้อมตึกอย่างมากๆ แต่ก็ทำให้เห็นดวงดาวเต็มท้องฟ้าเลยละคะ เพราะไม่มีตึกบัง บ้านก็ไม่ได้สูงกันมากนัก สวยงามมาก แต่ว่าถ่ายไม่ค่อยจะติด ภาพถ่ายจึงได้เท่าที่เห็นนี่แหละค่ะ เพื่อนๆ ต้องลองมาดูเอง หรือว่าลองออกไปต่างจังหวะที่ตึกไม่สูงมากนักแล้วมองขึ้นไปบนฟ้า จะรู้เลยว่า ดวงดาวบนท้องฟ้านั้นเยอะและสวยงามจริงๆ
อาหารเย็นวันนี้เป็น แฮมเบอร์เกอร์ไส้ในเต็มที่มาก ทั้งเนื้อ เบคอน ไข่ บลาๆ เยอะสุดๆ อิ่มมากๆ เนื่องจากวันนี้คือวันศุกร์! ทุกคนจึงบอกว่า Movie Night แล้วก็มีคนแซวว่า พวกเราทำงานกันมาอย่างหนักหน่วงมากทั้งสัปดาห์ เพราะฉะนั้นต้องการ Movie Night เท่านั้น ก็หลังจากที่ทำทุกอย่างเสร็จก็มานั่งมุงกันที่หน้าจอคอมของเพื่อนชาวโรมาเนีย ก็เปิดหนังเรื่อง The Intern ซึ่งคนเปิดก็ไม่เคยดู น่าจะมีแค่เรากับเพื่อนคนไต้หวัน คอหนังและซีรีย์กันทั้งคู่ที่เคยดูเรื่องนี้ ก็หากใครที่อ่านอยู่และยังไม่เคยดูอยากบอกว่า เรื่องนี้ดีจริงๆ ต้องดู มันดีมากๆ
กักตัววันที่สิบสี่
เช้านี้ก็ได้ลองทำน้ำช็อกโกแลตที่ทำมาจากแยมช็อกโกแลตดู เห็นเพื่อนห้องอื่นๆ เค้าทำ ก็อร่อยดีนะคะ แต่ต้องใช้น้ำที่ค่อนข้างร้อนในระดับนึงไม่นั้นไม่ละลาย ใส่นมไปอีกนิดกำลังดีเลย
อบรมวันนี้หัวข้อเกี่ยวกับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นระหว่างที่เราออกภาคสนาม คือเค้าไม่ได้ให้เรากลัว แต่ให้เราตั้งรับและคิดเผื่อไว้ก่อนว่าหากเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเราจะทำอย่างไร “เราบอกเรื่องนี้กับพวกท่าน เพื่อท่านจะได้มีสันติสุขในเรา ในโลกนี้ท่านจะประสบความทุกข์ยาก แต่จงมีใจกล้าเถิด เพราะว่าเราชนะโลกแล้ว” ยอห์น 16.33 เค้าให้ข้อพระคัมภีร์นี้มาประกอบการบรรยายตลอดช่วง เพื่อให้เราเข้าใจสิ่งที่เค้าต้องการจะสื่อมากยิ่งขึ้น
ช่วงบ่ายค่อนข้างขี้เกียจ จึงเดินขึ้นไปอุ่นบราวนี่แต่ไม่มีไมโครเวฟ จึงใช้ไมโครเวฟธรรมชาติ พลังงานแสงอาทิตย์ ร้อนได้ใจ ร้อนจริงๆ จากบราวนี่ในตู้เย็น เย็นเจี๊ยบ แป๊ปเดียวเท่านั้น..อุ่น บวกกับเท้าที่จะพองได้แต่รีบโดดกลับมาในห้องและใส่รองเท้าออกไปใหม่
วันนี้ก็มีประกาศออกมาว่า พรุ่งนี้ เราจะได้ไปที่เรือแล้ว สำหรับคนที่มาถึงที่นี่ภายในวันที่ 16 ซึ่งพวกเราก็อยู่ในกลุ่มนั้นแหละ ตามกำหนดจะออกไปที่เรือหลังกินข้าวเย็นเสร็จ และก็มีหลายคนถามว่า จะออกไปเดินเล่นได้ไหม เดินไปที่เรือ หรือเดินไปที่ชายหาดได้หรือไม่ คำตอบที่ได้รับก็คือ NO NO NO NO NO NO NO และก็ NO ซึ่งคนที่ดูแลเรื่องนี้ก็บอกขำๆ ว่า หากใครไม่เข้าใจคำว่า NO จะยึดอาหารเย็นจนกว่าจะเข้าใจคำว่า NO แบบตอนอ่านคือขำมาก และก็ขำกันทั้งห้อง คือมันขำจริงๆ
ฉบับหน้าจะได้เดินทางไปขึ้นเรือแล้วนะคะ เราจะได้ออกไปเห็นประเทศ St.Vincent แบบเต็มๆ แล้ว รอติดตามกันนะคะว่าจะตื่นเต้นขนาดไหน นี่ขนาดกำลังพิมอยู่เรายังตื่นเต้นตามไปด้วยเลยค่ะ
ปล. ที่ 1 ที่นี่เวลาต่างกับที่กรุงเทพ -11 ชม. นะคะ ก็เทียบง่ายๆ ที่นี่ 7 โมงเช้า ที่กรุงเทพก็จะ 6 โมงเย็นค่ะ
ปล. ที่ 2 เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อ เดือนมกราคม ปี 2021 นะคะ
Writer : Ploy
Graphics by : Nan Tharinee
บทสนทนา
ไม่มีความคิดเห็น