ณ.ขณะที่เขียนบทความนี้ คือวันพุธที่ 1/7/2020 เชื่อแน่ว่า หลายๆ คนทั้งที่ดูบอลหรือไม่ดูบอล จะต้องได้เห็นข่าวใหญ่ที่ทีมฟุตบอลลิเวอร์พูลได้แชมป์อย่างเป็นทางการแล้ว ในรายการแข่งขันรายการใหญ่สุดของประเทศอังกฤษ ซึ่งคือ English Premiere League 2019/2020 [EPL] นั่นเอง ซึ่งการได้แชมป์ครั้งนี้ ถือเป็นการรอคอยที่นานมากของแฟนบอลลิเวอร์พูล หรือที่เรียกว่าแฟนหงส์ เพราะครั้งสุดท้ายที่ทีมได้แชมป์ EPL หรือรายการสูงสุดของอังกฤษคือเมื่อ 30 ปีที่แล้วหรือฤดูกาลปี 1989-1990 เลยทีเดียว
หลายๆ คนที่รอมานาน และได้เห็นการกลับมาเป็นแชมป์ในครั้งนี้ ถึงกับร้องไห้กอดกันด้วยความดีใจ บางคนไม่คิดฝันว่าจะได้เห็นอีก เพราะรอกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อจนถึงรุ่นลูก หรือรุ่นหลานในครอบครัวเลยทีเดียว มีบางปีที่ได้ลุ้นแต่สุดท้ายก็ผิดหวังเสียใจมาแล้วนับไม่ถ้วนตลอด 30 ปีมานี้
หากจะเทียบไปแล้ว คงไม่ต่างกันมากกับการพยายามให้ Nokia หรือ Blackberry กลับมาเป็นแชมป์หรือผู้นำในการแข่งขันได้อีกครั้ง
เรื่องราวที่น่าสนใจที่อยากเล่าให้ฟังนั้น จะไม่ใช่เรื่องฟุตบอลล้วนๆ ว่ามาเป็นแชมป์ได้อย่างไร และยิ่งใหญ่แค่ไหน เพราะเชื่อว่าแฟนบอลคริสเตียนหรือคนทั่วไป คงได้ติดตามและหาอ่าน ดูคลิปกันอย่างจุใจแล้วแน่นอน
แต่สิ่งที่อยากนำเสนอ ซึ่งเป็นเรื่องที่ควรค่าและน่าศึกษา ซึ่งรับรองว่าจะประทับใจใครหลายๆ คนแน่นอน คือ เรื่องราวชีวิต ความคิด และตัวตนของผู้จัดการทีมที่ดังที่สุดในโลกเวลานี้ ที่พาหงส์แดงกลับมาได้แชมป์รัวๆ แบบ New Normal จนหลายๆ ทีมยังอดชื่นชมชายคนนี้ไม่ได้ ซึ่งก็คือ Jurgen Klopp (เยอร์เก้น คล็อปป์) นั่นเอง
Klopp เป็นใคร ทำไมถึงมีแต่คนรัก และทำไมถึงพาทีมประสบความสำเร็จมากมายในเวลาเพียง 4 ปีครึ่ง?
เราอยู่ในยุคที่กีฬาฟุตบอลเปลี่ยนแปลงไปมากมาย ทั้งรูปแบบการเล่น วิธีการบริหารทีม วัฒนธรรมการเชียร์บอล และหน้าที่ของผู้จัดการทีม มันเป็นยุคที่ทุกคนต้องการได้ความสำเร็จแบบเร็วทันใจ และอดทนรอไม่ไหว ทีมฟุตบอลใหญ่ๆ จึงต้องใช้เงินทุ่มลงไปหลายร้อยล้านปอนด์ในแต่ละปี เพื่อซื้อนักเตะเก่งๆ มาอยู่ในทีม โดยหวังจะเพิ่มโอกาสให้ทีมเป็นแชมป์ได้ง่ายขึ้น หรือเรียกว่า ‘ใช้เงินซื้อความสำเร็จ’ นี่เป็นวิธีที่ทีมบอลชั้นนำใช้กันเสมอในยุคนี้
Klopp คือผู้จัดการทีมที่ก็ทุ่มเงินซื้อตัวเก่งๆ เช่นกัน แต่เมื่อเทียบในทีม 11 คนแล้ว จะใช้เงินไม่มากเท่าหลายๆ ทีมใช้กัน ซึ่งสิ่งที่ได้ศึกษาและเห็นในสไตล์การทำงานของ Klopp คือ เขาจะเลือกใช้คนธรรมดาที่มีศักยภาพ, ความตั้งใจ และวินัยที่สูง มาเข้าทีม เข้าระบบการทำงานของ Klopp โดยทีม 11 คนนี้ เกินกว่าครึ่งเป็นนักเตะธรรมดา ที่ Klopp ซื้อมาและมาปั้นจนเก่งและเข้าระบบทีม ซึ่งทำให้ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว และกลมกล่อม ซึ่งเมื่อบ่มได้ถึงที่แล้ว ก็เริ่มออกดอกออกผล นำมาซึ่งผลงานที่ดี และประสบความสำเร็จ ได้แชมป์อย่างมากมายและต่อเนื่องอย่างทุกวันนี้
หลายคนพยายามถอดรหัส และหาปรัชญาการทำงานของ Klopp แต่สิ่งที่บอสใหญ่ของลิเวอร์พูลบอกทุกคนกลับเป็นสิ่งที่เรียบง่ายมากๆ แต่ทรงพลังสุดๆ คือเขา เชื่อ ในศักยภาพในตัวทุกคน และหน้าที่เขาคือ สร้างระบบและสภาพแวดล้อม ที่ถูกต้องและเหมาะสม เพื่อเอื้ออำนวยให้นักเตะ (หรือทีมงาน) เข้ามาทำงานร่วมกันแล้ว มีความสุขกับชีวิตและ รักใคร่กลมเกลียวกัน อันจะนำมาซึ่งการพัฒนา เป็นปัจจัยสู่ความสำเร็จและผลงานที่ดีจะตามมาเองแน่นอน [Create Right Circumstances]
เหมือนกับเหตุการณ์ในคืนที่ได้แชมป์อย่างเป็นทางการ ซึ่งตรงกับเวลาสองทุ่มที่อังกฤษ Klopp ตัดสินใจเช้าวันนั้นว่า นี่คือ ‘Compulsory’ หรือ ‘บังคับ’ ให้นักเตะทุกคนมารวมตัวกันที่โรงแรม เพื่อร่วมลุ้นร่วมเชียร์การแข่งขันระหว่าง Chelsea vs Man City ไปพร้อมๆ กันทุกคน เพราะมีผลกับ Liverpool ที่จะเป็นแชมป์ทันที หาก Man City แพ้ในนัดนี้
ผลออกมาคือ Man City แพ้ และแน่นอน Liverpool เป็นแชมป์ในทันที สิ่งที่เกิดขึ้นคือ นักเตะทุกคนในทีม ร่วมลุ้นไปด้วยกันตั้งแต่สองทุ่มจนบอลจบสี่ทุ่ม และฉลองถึงช่วงดึกของคืนนั้น
เมื่อนักข่าวถามว่า ทำไมไม่ให้แยก ต่างคนต่างดูกันเองที่บ้าน เพราะยังไงก็ยังเป็นช่วง Covid-19 อยู่ สิ่งที่ Klopp ตอบคือ “ผมไม่อยากให้ใครพลาดช่วงเวลาพิเศษแบบนี้ ผมไม่อยากให้นักเตะ หรือลูกน้องคนไหน ต้องอยู่บ้านคนเดียว ฉลองคนเดียว และพลาดการฉลองการได้แชมป์ที่รอคอยมาแสนนานหลังจากทุกคนทำงานร่วมกันมาอย่างหนักตลอดหลายปีที่ผ่านมา.. ผมไม่อยากให้ใครต้องเสียดาย ที่ไม่ได้อยู่ฉลองร่วมกันและค่ำคืนนี้ ซึ่งเขาอาจจะเสียใจไปตลอดชีวิต”
สิ่งที่ทำให้ผู้คนรักชายคนนี้ เป็นเพราะเขารักทุกคนและดูแลทุกคนเป็นครอบครัวเดียวกัน ทั้งนักเตะ ทีมงาน แม่บ้าน พนักงานทุกระดับ และแฟนบอล Liverpool ซึ่งเราไม่ค่อยพบเห็นเรื่องแบบนี้ในตัวผู้จัดการทีมคนอื่น
พิสูจน์ง่ายๆ ได้จากบทสัมภาษณ์ที่เป็น Moment ประวัติศาสตร์ตอนที่ได้แชมป์และนักข่าวถามความรู้สึก เขาตอบว่า “ขอยกรางวัลนี้ ให้กับผู้จัดการดังในอดีตที่ช่วยกันสร้าง Liverpool มาตลอด ขอขอบคุณนักเตะเก่งๆ ที่ดูแลทีมมาโดยตลอด โดยเฉพาะ Steven Gerrard ที่ลงเตะให้ Liverpool มาตลอด 20 ปีและแบกความหวังของแฟนบอล Liverpool ทั่วโลกไว้บนบ่า และขอบคุณนักเตะ ทีมงาน แฟนบอลทั้งหมด รางวัลนี้เป็นผลของทุกๆ แรง ทุกๆ คน ที่ร่วมแรงร่วมใจกันมาตลอด 30 ปี”
พร้อมกับปิดท้ายอย่างถ่อมตนสุดๆ ว่า “I’m just a lucky guy who sit in the seat in this moment, and can be part of this story, it’s so great, it’s unbelievable”
อีกหนึ่งเหตุการณ์ที่น่าประทับใจ คือ วินาทีที่กำลังจะเป็นแชมป์ 100% ของ Liverpool Klopp เลือกโทรหาภรรยาและลูกทันทีก่อนใครในโลก และบอกรักทุกคนในครอบครัว และเล่าให้ฟังว่านี่คือการฉลองที่สุดแสนเรียบง่าย แต่อิ่มเอมใจในแบบที่เขาต้องการและรักที่จะทำเสมอในทุกๆ Moments ของชีวิต
“ผู้ปลดปล่อย” Liverpool และผู้สร้างระบบทีมในแบบ “The Love Machine”
การดูบอลก็เหมือนชีวิตที่เดินทางร่วมกัน มีทั้งช่วงสุขและทุกข์เหมือนที่ Klopp บอกเราต่างร่วมแชร์ประสบการณ์ Celebrate or Suffer ร่วมกันเสมอ
และแฟนหงส์ทั่วโลกก็เหมือนอยู่ในช่วงถ้ำแห่งความมืดมาตลอด 30 ปี ถึงแม้จะมีแสงสว่างโผล่แว่บๆ เข้ามาบ้าง แต่ก็ยังไม่ได้ออกจากถ้ำสักที เพราะเป็นธรรมดาของมนุษย์ที่รักและต้องการความสำเร็จเสมอ ไม่ว่าจะเรื่องธุรกิจ ครอบครัว และกีฬา
Klopp คือคนนั้นสำหรับแฟนหงส์หลายร้อยล้านคนทั่วโลก ที่ในเวลานี้ได้ปลดปล่อยทีมสู่การเป็นอิสระ เป็นแชมป์อย่างสมเกียรติและคุ้มค่าการรอคอย สถิติมากมายถูกสร้างขึ้นภายใต้การคุมทีมของเขา รวมถึงระบบการเล่นที่ยอดเยี่ยมมากๆ จนเอาชนะคู่แข่งได้มากมาย
โดยสมัยก่อน Liverpool ได้ฉายาว่า The Red Machine หรือ เครื่องจักรสีแดง ที่เล่นบอลเป็นระบบ และเล่นได้อย่างแข็งแกร่ง น่ากลัวเหมือนเครื่องจักรที่ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและทรงพลัง แต่กาลเวลาก็ได้ทำให้ระบบ Red Machine เครื่องรวน พ่ายแพ้ และผิดหวังมาต่อเนื่อง
วันนี้ ระบบทีมแบบ Red Machine ได้ถูกแปลเปลี่ยนเป็นระบบใหม่ ที่ Klopp ผ่าเครื่องจักรใหม่ และเติมความรักลงไปในทุกมิติของเครื่องยนต์นี้ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน ซึ่งเต็มไปด้วยความเก่ง ความสามัคคี และมีเสน่ห์บนผืนหญ้าที่น่าดูน่าติดตามกว่าเดิม
ผู้เขียนขอเรียกว่า The Love Machine หรือ เครื่องจักรแห่งความรัก ที่ Liverpool ได้ชนะทั้งในสนาม ชนะใจแฟนบอล รวมถึงชนะใจคู่แข่งอีกด้วย และนี่คืออาวุธลับที่ทรงพลังที่สุด ที่เป็นเบื้องหลังความสำเร็จของ Liverpool ที่เชื่อว่าหากคุณนำไปใช้ จะสำเร็จได้ด้วย Love Machine แบบนี้เช่นกัน
อะไรคือสิ่งที่เป็นหัวใจ และ Key Success ของระบบทีม : Love Machine by Klopp
1. Believe : ความเชื่อ
เขาพูดตอนแถลงข่าวครั้งแรกเมื่อรับงานนี้ว่า เขาจะทำหน้าที่เป็นผู้จัดการทีมให้ดีที่สุด และแฟนบอลก็มีหน้าที่เช่นกันคือ จงเปลี่ยนตัวเองจาก Doubter เป็น Believer หากปราศจากความเชื่อแล้ว คุณจะไปได้ไม่ไกล ไปได้ไม่สุด และไม่มีทางมองเห็นหรือรู้เป้าหมายในชีวิตหรืองานนั้นๆ ได้ และเขาก็ยังประกาศเพื่อยืนยันความเชื่อให้คนทั้งโลก คือ จะพา Liverpool กลับมาเป็นแชมป์ EPL ให้ได้ ภายใน 4 ปี (และก็ทำได้จริงๆ) เป็นการจุดประกาย จุดฝัน เติมไฟที่แห้งเหือดของแฟนบอล ซึ่ง Klopp ทำได้ยอดเยี่ยมในฐานะผู้นำและเลือกเติมไฟ เติมฝันเป็นสิ่งแรกทันที
หากใครคิดว่า Klopp เก่งและเป็นผู้ชนะมาตลอด จริงๆ แล้วตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง Klopp ผ่านการเป็นพระรองมาบ่อยครั้งมากๆ ด้วยการแพ้ในนัดชิงชนะเลิศมามากมายในชีวิตนี้ จนตัวเขาบอกเองว่า “Always the bridesmaid, never the bride…” เป็นแค่เพื่อนเจ้าสาว แต่ไม่เคยได้เป็นเจ้าสาวเลย
แต่ด้วยความเชื่อว่า การทำงานหนักจะให้ผลที่ดีในวันนึง และเพื่อนเจ้าสาวคนนี้ (ที่ผ่านมาหลายงานมาก) ได้กลายเป็นเจ้าสาวเองซักที
2. Humble & Optimism : ถ่อมตัว มองคนและโลก ในด้านดีเสมอ
เขาเลือกเชื่อในด้านดี และความตั้งใจดีเสมอ Klopp เป็นคนที่ทำงานหนักมาก ให้ทั้งหมดไปกับงาน ซึ่งเขาได้สื่อสารและคาดหวังเช่นเดียวกันกับทีมงานทุกคน ความตั้งใจและการมองโลกในแง่ดีนี้ ไม่ได้ทำให้ไม่เจอปัญหา แต่จะพร้อมลุกขึ้นและเดินหน้าต่อได้ทุกครั้งที่สะดุดหรือล้มลง และก็พร้อมเปลี่ยนวิธีการเช่นกัน ถ้าได้ลองให้โอกาสคนแล้วสุดท้ายพัฒนาหรือไปด้วยกันไม่ได้จริงๆ
ความถ่อมใจ แต่ไม่อ่อนแอ เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ Klopp เป็นและถ่ายทอดลงไปในระบบ Love Machine ของ Liverpool นี้ ซึ่งเขาเรียกตัวเองอย่างไม่โอ้อวดว่าเป็นเพียงคนธรรมดาคนนึง หรือ “The normal one”
สิ่งหนึ่งที่ Klopp เลือกนำมาใช้ในทีม คือการมีนักจิตวิทยาที่จ้างมาโดยเฉพาะ เพื่อสอนและกระตุ้นลูกทีมให้ไม่ยอมแพ้ และสู้เพื่อชนะจนถึงวินาทีสุดท้ายของการแข่งขันให้ได้ ซึ่งเห็นผลทันทีจากการที่ Liverpool กลับมาชนะได้หลายครั้งอย่างเหลือเชื่อในฤดูกาลนี้ จนคู่แข่งเรียกกันว่า Klopp Time หรือสู้จนวินาทีสุดท้ายนั่นเอง
3. Love, Hug & Laugh : ความรัก การกอดและเสียงหัวเราะ
หนึ่งใน signature ของ Klopp ที่ได้ทำมาตลอด เป็นที่จดจำจนคนทุกชาติ ทุกศาสนาในโลก ได้เห็น ประทับใจและเลียนแบบ คือการกอด หรือแสดงความรักต่อกันทั้งนักเตะตัวเอง และทีมอื่น อาจดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา แต่ลองถามตัวเราเองดูว่า ครั้งสุดท้ายที่เรากอดคนอื่นคือเมื่อไร และนอกจากคนรักเรา เราเคยกอดใครที่เป็นการแสดงออกถึงความรัก มิตรภาพ ความเชื่อใจกัน และความห่วงใย หรือไม่
Klopp เป็นคนที่มี Charisma ด้วยการหัวเราะและรอยยิ้มโชว์ฟันขาวทุกซี่อยู่เสมอ ซึ่งเป็นการ break the ice เปิดประตูสร้างความสัมพันธ์และให้กำลังใจกันได้เสมอ ในทุกสถานการณ์ที่ต้องเผชิญ ทั้งในสนามหรือนอกสนาม พิสูจน์ได้จากที่ทุกคนรักและชอบอยู่ใกล้เขา ทั้งจากลูกน้อง นักเตะ คู่แข่ง แฟนบอล นักข่าว
การกอดหรือแสดงความรักอย่างจริงใจต่อกันนั้น คือหัวใจของมนุษย์อย่างแท้จริง สัมผัสที่ได้จากอ้อมกอดนั้นช่วยให้สิ่งต่างๆ ในชีวิต ความสัมพันธ์ หรือผลงานดีขึ้นได้จริงๆ
4. Hard-Work + Teamwork :
Klopp ทำงานหนักมาก และเชื่อในทีมงานเสมอ ซึ่งทีมงานหลายคนของ Klopp คือคนที่ร่วมงานกันมาตั้งแต่คุมทีมเดิมก่อนมา Liverpool ซึ่งเขาให้เกียรติทีมงานเสมอ หากลองอ่านหนังสือหรือดูบทสัมภาษณ์ เกือบทุกครั้งเขาจะชื่นชมทีมงานและแฟนบอล และไม่เคยยกตัวเองขึ้นเลย ทั้งที่วันนี้ทุกคนพร้อมยกชูให้เขาเป็นตำนานอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการทำอนุสาวรีย์ยกย่องให้เป็นตำนานของ Liverpool เหมือนคนอื่นๆ แต่เขาปฏิเสธและบอกว่าเขาไม่สนใจ และงานยังไม่จบ ยังมีอะไรให้ทำอีกเยอะ ขอฉลองและกลับมาทำงานต่อเหมือนปกติดีกว่า
อีกเรื่องที่น่าประทับใจ คือ Klopp เลือกจ้างนักเตะที่อายุเยอะแล้ว (30++) ที่อยู่ด้วยกันมานาน อยู่ในทีมต่อจนถึงวันนี้ ทั้งๆ ที่หลายคนเตรียมย้ายออกจากทีมกันแล้ว ซึ่งเหตุผลที่ Klopp แจ้งแก่ทีมนักเตะเหล่านี้ที่ชนะใจ และแสดงผลงานตอบแทนออกมาได้อย่างสุดยอด คือ “เราอยู่ด้วยกันมานาน อย่าเพิ่งไปไหนเลย อยู่ฉลองแชมป์ด้วยกันก่อน”
นี่คือสิ่งที่ชนะใจทั้งทีมงาน นักเตะ และแฟนบอลทั่วโลกจริงๆ เพราะ Klopp ไม่เคยมองข้ามคุณค่าของใคร และไม่ให้ผลงานหรือ Football มาใหญ่กว่าชีวิตหรือความรู้สึกของผู้คน เหมือนที่เขาพูดเสมอว่า “Football is not everything in life”
ปล. หลายคนรู้ว่า Klopp คือคนที่ทำให้ทีมได้ 4 แชมป์ใหญ่ในช่วงปีครึ่งที่ผ่านมา แต่ Klopp ยังได้รางวัลส่วนตัวอีกหนึ่งรางวัลด้วย คือเป็นผู้จัดการทีมที่ดีที่สุดในโลก ประจำปี 2019 ที่ผ่านมาเลยทีเดียว ซึ่งเปรียบเสมือนได้ Oscars ในวงการฟุตบอล [FIFA : Best FIFA Men’s Coach 2019]
5. “I’m a Christian”
เมื่อ Klopp ถูกถามถึงบุคคลต้นแบบ หรือ แรงบันดาลใจ สิ่งที่ตัวเขามักบอกทุกคนเสมอก็คือ เขาเป็นคริสเตียน และมีพระเยซูเป็นต้นแบบชีวิต
ครั้งหนึ่งเขาถูกถามว่า “Who’s the most important person the world ever known?” ใครคือคนสำคัญที่สุดที่โลกนี้เคยรู้จัก?
Klopp ตอบอย่างทันทีและไม่ลังเลว่า “Jesus Christ”
พระเยซู คือบุคคลที่ Klopp ประทับใจและเป็นต้นแบบเขาในหลายๆ เรื่องซึ่งตัวเขาเองได้บอกเล่าเรื่องราวและชีวิตอย่างชัดเจนและขอบคุณพระเยซูเสมอ ที่ได้รับบาปแทนเขาและทุกคน และได้ตายบนไม้กางเขนเพื่อช่วยเราทุกคนที่ได้เชื่อในพระเยซูและกลับใจจากบาป
Klopp ยังชื่นชมพระเยซูในฐานะบุคคล ที่มาเกิดในโลกนี้และมีเป้าหมายชัดเจนในการมาช่วยคนทั้งโลกนี้ด้วยความรัก (Clear Vision in this world) โดยพระเยซูทำงานที่ได้รับมอบหมายอย่างโฟกัสและไม่สนใจไปกับสิ่งอื่น หรือไม่ต้องไปพิสูจน์ตัวเอง หรือทำเพื่อชื่อเสียงตัวเองแต่อย่างใด
เมื่อช่วงเดือนมิถุนายน 2019 ก็มีอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่น่าจดจำ คือชายคนนึงชื่อ Dave Evans เป็นแฟน Liverpool มาทั้งชีวิต ได้ต่อสู้กับโรคมะเร็งร้ายมายาวนาน และกำลังจะเสียชีวิตลง ก่อนการแข่งขันนัดชิงชนะเลิศบอลยุโรป [UCL 2019] ที่สำคัญมาก และ Dave ได้ซื้อตั๋วและเตรียมบินไปดูกับภรรยาไว้ก่อนหน้านี้ แต่พออาการหนักและใกล้เสียชีวิต จึงทำให้ไปไม่ได้
Klopp และนักเตะดังในทีมได้ทราบเรื่อง จึงได้อัดคลิปและส่งส่วนตัวให้กำลังใจกับ Dave ซึ่ง Klopp ได้บอกให้เขามีกำลังใจและร่วมลุ้นนัดชิงชนะเลิศนี้ไปด้วยกันให้ได้ รวมถึงพูดส่งท้ายว่า “I’m a Christian, All the Best” ซึ่งเป็นการให้กำลังใจและบอกถึงเสาหลักของความเชื่อในชีวิต ว่าวันนึงเราจะได้พบกันอีกในสวรรค์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ Dave กับภรรยาประทับใจมาก และได้อยู่ดูนัดชิงและร่วมฉลองแชมป์ UCL 2019 อย่างมีความสุขก่อนจากไปในเวลาไม่กี่วันหลังจากนั้น
อีกครั้งเมื่อถูกนักข่าวถามว่า ความสำเร็จของ Klopp นั้นจะถูกตัดสินจากจำนวนถ้วยรางวัลที่จะทำได้ หรือพูดง่ายๆ ว่า Klopp จะถูกผู้คนตัดสินว่าทำดีไม่ดี จากจำนวนแชมป์ที่จะได้นะ Klopp ตอบกลับอย่างสุภาพว่า “ผู้เดียวที่ตัดสินเขาว่าทำหน้าที่ได้ดีหรือไม่ดี สำเร็จหรือไม่สำเร็จคือ พระเจ้า เท่านั้น คนอื่นวิจารณ์ได้ แต่ผมไม่สนใจ และหน้าที่ผมคือ ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด”
หวังว่า เรื่องราวของผู้ชายคนนี้จะให้กำลังใจ ให้แง่คิด และให้หลักในการดำเนินชีวิต ทั้งในฐานะคนที่ทำงานหนักและมีคุณสมบัติที่เราเลียนแบบความสำเร็จได้ ซึ่งภายใต้หลักคิด และการเป็นผู้ที่สำแดงความรักในทุกสิ่งเสมอ ทั้งกับการกอดกันเป็นประจำในครอบครัว กับทีมงาน กับผู้อื่น เหมือนดังสโลแกนอมตะของทีมลิเวอร์พูล “You’ll never walk alone” ซึ่งเป็นสิ่งเดียวกับที่พระเยซูทำกับผู้อื่นเช่นกันในการแสดงความรักแก่ผู้อื่นเสมอ และร่วมหัวเราะ ร้องไห้ไปด้วยกันในทุกๆ Moment ของชีวิต
วันนี้คุณได้บอกรัก ยิ้ม และกอดคนที่คุณรักแล้วหรือยัง?
ถ้ายัง ลองดูนะครับ
ไม่มีใครเคยเห็นพระเจ้า ถ้าเรารักกันและกัน พระเจ้าก็สถิตอยู่ในเรา
และความรักของพระองค์ก็สมบูรณ์อยู่ในเรา
– 1 ยอห์น 4:12 –
บทความ: PONG FISH
ภาพปก: Liverpool’s German manager Jurgen Klopp. (Photo by GEOFF CADDICK / AFP)
ออกแบบภาพ: Nan Tharinee
อ้างอิง
- Youtube: Jürgen Klopp Liverpool about Jesus Christ
- Youtube: Jurgen Klopp’s message of faith in Christ to dying fan
- Youtube: Klopp: Only God will judge me
- Youtube: Jurgen Klopp about his life and philosophy / Great Interview
- 11 of Jurgen Klopp’s funniest moments: Ronaldo’s pants, erotic voices & more
- Twitter: AnfieldWatch
- Youtube: Winning the Premier League is for YOU | Jürgen Klopp EXCLUSIVE
- FIFA Football Awards Facebook: The Best of Jurgen Klopp
- The Best FIFA Men’s Coach
- Liverpool fan who defied doctor odds to watch Champions League victory has died
- Milner follows Klopp in extending Liverpool stay
- Jürgen Klopp: Exclusive first LFC interview
- Youtube: Jurgen Klopp’s emotional reaction to Liverpool winning the Premier League
- Youtube: Jurgen Klopp: I am ‘absolutely overwhelmed’ by title win
- Youtube: The making of Jurgen Klopp
- Youtube: Lessons in LEADERSHIP from Jürgen Klopp
- Youtube: ‘We’ll win in 4 years’ Jurgen Klopp’s first press conference at Liverpool
บทสนทนา
ไม่มีความคิดเห็น