เมื่อพระเยซูทรงใช้สาวกให้ออกไปทำพันธกิจประกาศข่าวประเสริฐแก่พวกยิว พระองค์ให้คำแนะนำหลายอย่าง แต่หนึ่งในเรื่องที่หลายคนอาจสงสัยว่าพระองค์หมายความว่าอะไร
“นี่แน่ะ เราใช้ท่านทั้งหลายไปดุจแกะ
อยู่ท่ามกลางพวกหมาป่า
เพราะฉะนั้นจงเฉลียวฉลาดเหมือนงู
และไม่มีพิษมีภัยเหมือนนกพิราบ”
มัทธิว 10:16
ข้อนี้หมายความว่าอย่างไร?
แกะท่ามกลางพวกหมาป่า
ที่ที่พระเยซูทรงใช้สาวกไป เขาจะเป็นเหมือนแกะท่ามกลางพวกหมาป่า ในบริบทเจาะจงตอนนี้ พระองค์กำลังเปรียบเทียบถึงภัยอันตรายที่อาจมาถึงสาวกในการปรนนิบัติรับใช้ในงานพันธกิจ เหมือนสาวกเป็นแกะที่ไม่มีพิษสง ไม่มีเขี้ยวเล็บ ต้องการผู้เลี้ยงแต่ไม่มี และอยู่ท่ามกลาง “ฟาริสี ปุโรหิต ธรรมาจารย์ และนักการศาสนาทั้งหลาย” ซึ่งเขาเหล่านั้นมีอำนาจที่สามารถทำลายสาวกได้อย่างง่ายดาย
แม้จะดูเหมือนอันตราย แต่สิ่งนี้จำเป็นในการเตรียมสาวกให้พร้อมในงานรับใช้ในวันหนึ่งที่พระเยซูจะต้องถูกตรึงบนไม้กางเขน ฟื้นจากความตาย และเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ เวลานั้นสาวกจะต้องพร้อมในการเผชิญต่อสถานการณ์ต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นในสมรภูมิการรับใช้ที่หนักหน่วง
เฉลียวฉลาดเหมือนงู และไม่มีพิษมีภัยเหมือนนกพิราบ
คำว่า “เฉลียวฉลาดเหมือนงู” เป็นสำนวนภาษิตอียิปต์ที่นิยมในสมัยนั้น ตรงกับลักษณะนิสัยของงูที่ปัญญา เฉลียวฉลาด เจ้าเล่ห์ และระมัดระวังตัว ส่วน “นกพิราบ” หมายถึง ความไม่มีพิษมีภัย สุภาพ อ่อนน้อมถ่อมตน ซึ่งเป็นลักษณะชีวิตที่แท้จริงภายในคนของพระเจ้า (จอห์น แม็กอาเธอร์, Macarthur, 1987: 201)
และเมื่อพิจารณาให้ดีเราจะพบว่า พระเยซูคาดหวังให้เรามีคุณสมบัติทั้งสองไปด้วยกัน คือ เป็นผู้รับใช้พระเจ้าที่มีสติปัญญา เฉลียวฉลาด เจ้าเล่ห์ (อาจจะดูไม่คุ้นเคย) และระมัดระวังตัว ขณะเดียวกันก็มีใจภายในที่ไม่มีพิษมีภัย สุภาพ อ่อนน้อมถ่อมตน
แต่อย่าลืมว่าบริบทดังกล่าวเป็น บริบทของการถูกส่งออกไปรับใช้พระเจ้าในพันธกิจประกาศข่าวประเสริฐ จึงไม่ใช่เป็นคำสั่งให้คริสเตียนต้องเป็นอย่างนั้นตลอดเวลาทุกสถานการณ์ ทุกหนแห่งไว้ไม่เว้นแม้แต่ในคริสตจักร
——————————————
เมื่อเป็นงู ต้องฉลาดให้เป็นที่เป็นทาง
1. อย่าเอาความเฉลียวฉลาดเหมือนงู มาปฏิบัติกับพี่น้องคริสเตียน
“จงปฏิบัติต่อคนภายนอกด้วยสติปัญญา โดยใช้โอกาสให้เป็นประโยชน์” (โคโลสี 4:5)
สิ่งที่เปาโลแนะนำมีบริบทคล้ายกับพระเยซูส่งสาวกออกไปทำงานพันธกิจ คือบริบทการรับใช้ในการประกาศข่าวประเสริฐแก่คนภายนอก คำว่า “ภายนอก” เป็นการย้ำให้ตระหนักว่า ไม่ใช่คนภายในหรือพี่น้องในคริสตจักร
“เมื่อพวกท่านได้ชำระจิตใจให้บริสุทธิ์แล้วด้วยการเชื่อฟังความจริง จนมีใจรักพี่น้องอย่างจริงใจ พวกท่านจงรักกันให้มากด้วยน้ำใสใจจริง” (1 เปโตร 1:22)
ใจอ่อนสุภาพเหมือนกพิราบ จึงควรเป็นสิ่งจริงแท้ภายในของคริสเตียน เป็นสิ่งที่พี่น้องควรมีให้แก่กัน และในความจริงถ้าคนภายนอกสังเกตให้ดี พวกเขาควรพบลักษณะแบบนี้ในชีวิตคริสเตียนเสมอ แม้ภายนอกจะดูฉลาดรอบรู้และมีปัญญา
2. อย่าเอาความเฉลียวฉลาดเหมือนงูมาใช้เพื่อตนเอง แต่เพื่อนำคนทั้งหลายมาพบพระคุณความรักของพระเจ้า
เปาโลประพฤติต่อคนนอกด้วยสติปัญญา โดยยอมปรับตัวเข้ากับคนทุกประเภท เพื่อช่วยให้เขามาถึงความรอดในทางพระคริสต์
“ข้าพเจ้าทำทุกอย่าง เพราะเห็นแก่ข่าวประเสริฐเพื่อข้าพเจ้าจะได้มีส่วนในข่าวประเสริฐนั้น ต่อพวกยิวข้าพเจ้าก็เป็นเหมือนยิว เพื่อจะได้พวกยิวมา ต่อพวกที่อยู่ใต้ธรรมบัญญัติ ข้าพเจ้าก็เป็นเหมือนคนอยู่ใต้ธรรมบัญญัติ (แต่ตัวข้าพเจ้าไม่ได้อยู่ใต้ธรรมบัญญัติ) เพื่อจะได้พวกที่อยู่ใต้ธรรมบัญญัตินั้นมา ต่อพวกที่อยู่นอกธรรมบัญญัติข้าพเจ้าก็เป็นเหมือนคนนอกธรรมบัญญัติ (ข้าพเจ้าไม่ได้อยู่นอกพระบัญญัติของพระเจ้า แต่อยู่ใต้พระบัญญัติแห่งพระคริสต์) เพื่อจะได้พวกที่อยู่นอกธรรมบัญญัตินั้นมา ต่อพวกคนอ่อนแอข้าพเจ้าก็เป็นคนอ่อนแอเพื่อจะได้พวกคนอ่อนแอมา ข้าพเจ้ายอมเป็นคนทุกแบบต่อทุกคน เพื่อช่วยบางคนให้รอดโดยทุกวิถีทาง” (1 โครินธ์ 9:20-23)
3. อย่าปล่อยให้ความเฉลียวฉลาดเหมือนงู ไปล้ำเส้นจริยธรรมที่ถูกต้องในทางพระเจ้า
เปาโลเองเคยล้ำเส้นจริยธรรมโดยไม่ตั้งใจ คือในเหตุการณ์ที่ท่านถูกจับที่เยรูซาเล็ม และถูกนำมาอยู่ต่อหน้าสภาแซนเฮดริน เปาโลเพ่งดูบรรดาสมาชิกสภา เพ่งดูด้วยการพิจารณาว่าจะพูดอย่างไรด้วยสติปัญญา แต่เมื่อถูกสั่งให้ตบบาก เปาโลตอบโต้ด้วยคำต่อว่าที่เต็มด้วยสติปัญญา ความเฉลียวฉลาด ความระมัดระวังตัว แต่เต็มไปด้วยความดุดัน
เปาโลจึงเพ่งดูบรรดาสมาชิกสภาแล้วกล่าวว่า
“พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าประพฤติเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าด้วยมโนธรรมที่ดีตราบจนถึงทุกวันนี้”
อานาเนียผู้เป็นมหาปุโรหิตจึงสั่งคนที่ยืนอยู่ใกล้ให้ตบปากเปาโล
เปาโลจึงกล่าวกับท่านว่า
“พระเจ้าจะทรงตบท่าน ผู้เป็นผนังที่ฉาบด้วยปูนขาว ท่านนั่งพิพากษาข้าตามธรรมบัญญัติ และยังสั่งให้เขาตบข้าซึ่งเป็นการผิดธรรมบัญญัติหรือ?”
คนทั้งหลายที่ยืนอยู่ที่นั่นจึงกล่าวว่า
“เจ้ากล้าพูดจาดูหมิ่นมหาปุโรหิตของพระเจ้าหรือ?”
เปาโลจึงตอบว่า
“พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าไม่ทราบว่าท่านเป็นมหาปุโรหิต เพราะมีคำเขียนไว้ว่า อย่าพูดหยาบช้าต่อผู้ปกครองพลเมือง”
ในตอนนี้ (กิจการ 23:2-5) เมื่อเปาโลตระหนักว่าเขาใช้ความฉลาดของเขาโดยก้าวล้ำเส้นจริยธรรมในการต่อว่ามหาปุโรหิต เปาโลกลับใจทันที
ใน 1 เปโตร 2:23 เปโตรบรรยายถึงแบบอย่างของพระเยซูในเรื่องนี้
เมื่อเขากล่าวคำหยาบคายต่อพระองค์ พระองค์ไม่ได้ทรงกล่าวตอบเขาด้วยคำหยาบคายเลย เมื่อพระองค์ทรงทนทุกข์ พระองค์ไม่ได้ทรงขู่อาฆาต แต่ทรงมอบพระองค์เอง ไว้แก่พระเจ้าผู้ทรงพิพากษาอย่างยุติธรรม
——————————————
ฉะนั้นเราจึงสามารถสรุปได้ว่า คริสเตียนควรพัฒนาความเฉลียวฉลาด สติปัญญา ความสามารถให้มากที่สุด เพื่อเป็นพรต่อคนในโลก เพื่อที่สุดจะมีโอกาสใช้สิ่งนี้นำเขามารู้จักกับพระเยซูคริสต์ ขณะเดียวกันคริสเตียนก็ไม่ควรซื่อเกินไปจนถูกเอาเปรียบในทุกด้าน และถึงแม้คริสเตียนจะมีความเฉลียวฉลาดเหมือนงูเราก็ถูกเรียกร้องให้มีใจอ่อนสุภาพไม่มีพิษมีภัยข้างในอยู่ดี
บทความ: กนก ลีฬหเกรียงไกร
ภาพ: freepik.com
ออกแบบ: Sinn
รายการอ้างอิง
- Bruce B. Barton … [et al.]. Life Application Bible Commentary. Tyndale House Publishers Inc., 1996.
- MacArthur, John. The MacArthur New Testament Commentary. Chicago: Moody Publishers, 1987.
บทสนทนา
ไม่มีความคิดเห็น