เราควรจะรัก หรือ รบกันดี?

จงพยายามรักษาความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ที่มาจากพระวิญญาณนั้น โดยมีสันติภาพเป็นเครื่องผูกพัน – เอเฟซัส 4:3 –

พี่น้องที่รัก! เราควรจะรัก หรือ รบกันดีครับ?

เมื่อเราคิดเห็นไม่ตรงกัน เราจำเป็นต้องเป็นฝ่ายชนะทุกครั้งไหมครับ? เราจะเป็นฝ่ายยอมแพ้บ้างได้ไหมครับ?

เป็นการดีไหมครับ ที่เราจะบอกกับตัวเองว่า เขาอาจจะเป็นฝ่ายถูก และเราอาจเป็นฝ่ายผิดก็ได้นะ

และต่อให้เราเป็นฝ่ายถูกจริงๆ แต่จำเป็นไหมครับว่าเราจะต้องพิสูจน์ให้อีกฝ่าย (โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนในบ้าน ในโบสถ์ หรือ ในชุมชนที่เราอยู่) เห็นและยอมรับว่าเขาเป็นฝ่ายผิด และต้องประจานเขาให้อับอาย?

เราได้ผลดีอะไรบ้างที่ยั่งยืน และคุ้มค่าจากการที่เราต้องพิสูจน์ให้เห็นทุกครั้งในทุกเรื่องว่า เราเป็นฝ่ายถูก และคนอื่นเป็นฝ่ายผิด อย่างเช่น

คุณพ่อคุณแม่ของเรา …เป็นฝ่ายผิด
สามีหรือภรรยาของเรา …เป็นฝ่ายผิด
ลูกๆ ของเรา …เป็นฝ่ายผิด
พี่น้องของเรา …เป็นฝ่ายผิด
เพื่อนๆ ของเรา…เป็นฝ่ายผิด
เจ้านายหรือลูกน้องของเรา …เป็นฝ่ายผิด
ครูบาอาจารย์ของเรา… เป็นฝ่ายผิด
ศิษยาภิบาลหรือสมาชิกของเรา …เป็นฝ่ายผิด
ลูกค้าหรือหุ้นส่วนของเรา …เป็นฝ่ายผิด
ฯลฯ

เรายอมไม่ได้เลยหรือ ที่เราจะยอมรับว่า เรา(อาจ)เป็นฝ่ายผิด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยหรือเรื่องใหญ่ก็ตาม?

จำเป็นจริงๆ หรือ ที่เราพร้อมจะแตกหักดับเครื่องชน กับทุกคนไม่ว่าจะเป็นใคร โดยเราพร้อมที่จะสะบั้นสัมพันธภาพที่มีต่อกันได้ทันที เมื่อเห็นต่าง หรือ เมื่อเห็นตรงกันว่าเราเป็นฝ่ายถูก และอีกฝ่ายเป็นฝ่ายผิดอย่างนั้นหรือ?

เรามีความสุขจริงๆหรือ จากการที่เป็นฝ่ายถูก แต่ทำให้อีกฝ่ายอับอายขายหน้า จนสู้หน้าเราไม่ได้อีกต่อไป คุณเคยได้ยินคำแนะนำที่สำคัญในหลักมนุษยสัมพันธ์ ที่พระเยซูคริสต์สอนไว้ไหมว่า

จงปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างที่พวกท่านต้องการให้พวกเขาปฏิบัติต่อท่าน
เพราะนี่คือธรรมบัญญัติและคำสั่งสอนของบรรดาผู้เผยพระวจนะ
– มัทธิว 7:12 –

พี่น้องที่รัก จงถามตัวเองว่า หากวันหนึ่งคุณเป็นฝ่ายผิดจริงๆ คุณอยากให้คนอื่นเขาปฏิบัติกับคุณอย่างไร้เยื่อใย แบบที่คุณปฏิบัติกับเขาในวันวานหรือในวันนี้ หรือไม่?

พี่น้องที่รัก จะดีไหมครับที่เราจะ “มีทางถอย หรือทางออกที่มีเกียรติ” ให้แก่คนอื่นอยู่เสมอ ในยามที่เราเป็นฝ่ายถูก และคนอื่นเป็นฝ่ายผิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่รักเราเป็นฝ่ายผิด

…มีใครบ้างไหม ที่ไม่ต้องการให้ผู้อื่นให้เกียรติแก่ตัวของเรา?

ดังนั้น ถ้าพระเจ้าทรงประทานครอบครัว พี่น้องหรือเพื่อนมาให้แก่เรา จงขอบคุณพระเจ้าสำหรับของขวัญที่พระองค์ประทานมาให้ เราจงดูแลรักษา ด้วยความทะนุถนอมให้มาก เพราะยิ่งใกล้ชิดกันมากเท่าไร ความสัมพันธ์ยิ่งเปราะบางและแตกหัก ง่ายมากขึ้นเท่านั้น

จงรักษาความเป็นหนึ่งเดียวกันที่ล้ำค่านั้นไว้ ใครจะเอาอะไรมาแลก ก็จงอย่ายอมแลก แต่จะน่าเศร้ามาก หากความสัมพันธ์แห่งความเป็นหนึ่งเดียวกันที่เรามีร่วมกัน ต้องแตกหัก หรือ แตกสลายด้วยน้ำมือของเรา ผู้เต็มไปด้วยอัตตา และทิฐิที่ครอบครองใจ จนตาบอดมองไม่เห็นความหายนะแห่งมิตรภาพที่เคยมีต่อกัน

พี่น้องที่รัก จงจำไว้เสมอว่า ไม่ว่าเราจะเป็นฝ่ายถูกหรือฝ่ายผิด เราต้องพยายาม ให้ “คงความเป็นหนึ่งเดียวกัน” ที่พระเจ้าทรงประทานมาให้นี้ ด้วยสุดชีวิตของเรา ทั้งในบ้าน ในโบสถ์ และในทุกที่ๆ เราอยู่ และร่วมมือกันทำให้เกิดความสุขสันติแก่กันและกันด้วยความอดกลั้นอดทน

จงหัดยกโทษเมื่อเราถูกเขาผิด และรู้จักขอโทษเมื่อเราผิดและเขาถูก อย่างถ่อมใจถ่อมตน ด้วยความรัก อย่างที่พระเจ้าทรงออกแบบไว้ นั่นคือ เราจะต้องรู้จัก “ขอโทษให้ไว อภัยให้เป็น!” และรักษาสัมพันธภาพอันล้ำค่าเอาไว้!

…เห็นด้วยไหมครับ?

 

บทความ:  อ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์
ภาพ:  Charles Deluvio on Unsplash
ออกแบบภาพ:  Mantana

ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง