คุณเป็นคนที่พูดหรือสัญญาอะไร แล้วทำตามนั้นจนสำเร็จตามที่พูดหรือไม่?
และคุณทำได้ตามเวลาที่กำหนดไหม?
เมื่อพระเจ้าทรงสัญญาเรื่องอะไร พระองค์ก็ทำตามที่สัญญาไว้จนสำเร็จ ตามเวลาที่พระองค์ทรงกำหนดไว้
คุณควรเป็นคนที่ได้ชื่อว่า เป็นคนที่เชื่อถือได้ เพราะสัตย์ซื่อในการรักษาคำพูดของตนเองอย่างรับผิดชอบ ดังนั้น อย่าสัญญาอะไร ในสิ่งที่คุณไม่ได้ตั้งใจทำตาม (Don’t make promises you don’t intend to keep)
คุณต้องไม่ให้คำมั่นสัญญาใดๆ แก่ผู้ใด โดยไม่คิดใคร่ครวญให้ดีถี่ถ้วนก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลามีความสุข เพราะจะเป็นช่วงเวลาที่ง่ายต่อการลืมตัว และให้คำมั่นสัญญาที่ผูกมัดตัวเองหรือสร้างความเสียหายให้แก่ตัวเอง หรือผู้อื่นอย่างไม่จำเป็น
อย่างกรณีที่กษัตริย์เฮโรด ให้คำสัญญาจะให้รางวัลแก่ลูกเลี้ยงที่เกิดจากนางเฮโรเดียส (อดีตภรรยาของฟิลิปพระอนุชาของพระองค์)ที่มาเต้นรำถวายต่อหน้าแขกในงานเลี้ยงฉลองการประสูติของพระองค์ จนเคลิ้มจึงให้สัญญาอย่างไม่คิด
เพราะว่าเฮโรดทรงใช้คนไปจับยอห์นมาล่ามโซ่ขังคุกไว้เพื่อเห็นแก่นางเฮโรเดียสชายา ของฟีลิปพระอนุชาของพระองค์ เนื่องจากเฮโรดอภิเษกสมรสกับนาง เพราะยอห์นเคยทูลเฮโรดว่า “ท่านไม่มีสิทธิ์รับชายาของพระอนุชามาเป็นพระชายาของตัวเอง”
นางเฮโรเดียสจึงผูกพยาบาทยอห์นและปรารถนาจะประหารท่านเสีย แต่ประหารไม่ได้ เพราะเฮโรดทรงเกรงกลัวยอห์น เนื่องจากทรงทราบว่าท่านเป็นคนชอบธรรม และบริสุทธิ์ เฮโรดจึงทรงปกป้องท่านไว้ เมื่อเฮโรดทรงได้ยินคำสั่งสอนของท่านก็ทรงฉงนสนเท่ห์ แต่ก็ยังทรงยินดีที่จะฟัง
อยู่มาวันหนึ่งเป็นโอกาสเหมาะ คือเป็นวันฉลองการประสูติของเฮโรด เฮโรดทรงจัดงานเลี้ยงขุนนางกับนายทหารชั้นผู้ใหญ่และคนสำคัญๆ ทั้งหลายในแคว้นกาลิลี เมื่อบุตรีของเฮโรเดียสเข้ามาเต้นรำ ทำให้กษัตริย์เฮโรดและแขกทั้งปวงชอบใจ กษัตริย์จึงตรัสกับหญิงสาวว่า
“เจ้าจะขอสิ่งใดเราจะให้สิ่งนั้น” และกษัตริย์ทรงปฏิญาณว่า
“เจ้าจะขอสิ่งใดๆ ก็ตาม เราจะให้สิ่งนั้นแก่เจ้าจนถึงกึ่งราชสมบัติ”
นางจึงออกไปถามมารดาว่า “ลูกจะขอสิ่งใดดี?”
มารดาจึงตอบว่า “จงขอศีรษะของยอห์นผู้ให้บัพติศมาเถิด”
นางจึงรีบเข้าไปเฝ้ากษัตริย์ทันทีทูลว่า “หม่อมฉันขอศีรษะของยอห์นผู้ให้บัพติศมา ใส่ถาดมาให้หม่อมฉันเดี๋ยวนี้เลยเพคะ”
กษัตริย์ก็ทรงเป็นทุกข์อย่างยิ่ง แต่เพราะทรงปฏิญาณไว้แล้ว และเพราะเห็นแก่หน้าแขกจึงขัดไม่ได้ กษัตริย์จึงรับสั่งให้เพชฌฆาตไปตัดศีรษะของยอห์นมาทันที เพชฌฆาตก็ไปตัดศีรษะยอห์นในคุก แล้วใส่ถาดมาให้หญิงสาว หญิงสาวนั้นก็เอาไปให้แก่มารดาของตน
– มาระโก 6:17-28 –
จากตัวอย่างของกษัตริย์เฮโรด ควรจะเตือนเราให้ตระหนักว่า การให้คำสัญญาอะไร แก่ใคร อย่างฮึกเหิม ลืมตัว อาจสร้างความเสียหายให้แก่ตัวเองและผู้อื่นได้
กษัตริย์เฮโรด ให้คำสัญญาในระหว่างที่กำลังชอบใจมีสุขโดยขาดสติ ผลคือ พระองค์จึงต้องจ่ายราคาแพงต่อการรักษาคำสัญญานั้น ด้วยการเอาชีวิตของยอห์นผู้ให้บัพติศมามาแลก
จึงมีคำเตือนสติว่า
“อย่าสัญญาในเวลาที่คุณมีความสุข
อย่าเปล่งวาจาตอบ ในเวลาที่คุณโกรธ และ
อย่าตัดสินใจทำอะไรในเวลาที่คุณเศร้า!”
(Don’t promise when you’re happy.
Don’t reply when you’re angry and
don’t decide when you’re sad.)
คริสต์มาสเป็นเรื่องราวของการที่ “พระเจ้าทรงรักษาคำมั่นสัญญาของพระองค์”
(โดยเฉพาะอย่าง ในพระธรรม อิสยาห์ 9:6-7)
ด้วยมีเด็กคนหนึ่งเกิดมาเพื่อเรา มีบุตรชายคนหนึ่งประทานมาให้เรา และการปกครองจะอยู่บนบ่าของท่าน และเขาจะขนานนามของท่านว่า “ที่ปรึกษามหัศจรรย์ พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระบิดานิรันดร์ และองค์สันติราช” — อิสยาห์ 9:6-7
แต่เมื่อครบกำหนดแล้ว พระเจ้าก็ทรงใช้พระบุตรของพระองค์มา ประสูติจากสตรีเพศและทรงถือกำเนิดใต้ธรรมบัญญัติ เพื่อจะทรงไถ่คนเหล่านั้นที่อยู่ใต้ธรรมบัญญัติ เพื่อให้เราได้รับฐานะเป็นบุตร และเพราะท่านทั้งหลายเป็นบุตรแล้วพระองค์จึงทรงใช้พระวิญญาณแห่งพระบุตรของพระองค์ เข้ามาในใจของเราร้องว่า “อับบา (พ่อ)” เพราะฉะนั้น โดยพระเจ้าท่านจึงไม่ใช่ทาสอีกต่อไปแต่เป็นบุตร และถ้าเป็นบุตรแล้ว ท่านก็เป็นทายาท — กาลาเทีย 4:4-7
ในที่สุด พระบุตรของพระเจ้าก็เสด็จมาตามพระสัญญา (แม้ต้องรอคอยยาวนานราว 700 กว่าปี)
ขอให้เราเรียนรู้จากบทเรียนคริสต์มาสนี้ ที่เราจะเป็นคนรักษาคำพูด และคำสัญญาที่ดี (ส่วนที่ไม่ดีไม่ต้องรักษาก็ได้นะครับ) ไม่ว่าเราจะต้องจ่ายราคา หรือต้องใช้พลังงาน หรือต้องใช้เวลายาวนานสักเท่าใด
ขอให้เราไม่เป็นคน “คิดสั้น” หรือ “สิ้นคิด” ที่พูดหรือทำอะไรให้ชีวิตของเรา และคนอื่นต้องทุกข์ยากโดยไม่จำเป็น
ขอให้เราตระหนักว่า ชีวิตของเรานั้นมีค่ามากยิ่ง จนพระเจ้าทรงส่งพระบุตรของพระองค์จากสวรรค์ลงมาเพื่อช่วยไถ่เราให้รอดพ้นความตายนิรันดร์ด้วยการยอมถูกตรึงตายจ่ายหนี้บาปแทนเรา
คุณรู้หรือไม่ว่า บัดนี้ เรามีฐานะใหม่แล้วคือเป็นบุตรของพระเจ้าแล้ว
ดังนั้น ขอให้คุณจงดำเนินชีวิตให้สมกับฐานะนั้น
และหนึ่งสิ่งที่คนเป็นลูกของพระเจ้าจะต้องทำก็คือ การเป็นคนที่รักษาสัญญา!
คุณเป็นลูกของพระเจ้าจริงๆ แล้วหรือไม่?
…จงพิสูจน์ออกมาให้เห็น!
บทความ: อ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์
ภาพ: Elina Krima from Pexels
ออกแบบ: Nan Tharinee
บทสนทนา
ไม่มีความคิดเห็น