ประกิจ ตรีทศายุธ จากนักศึกษาที่เติบโตขึ้นเป็นผู้รับใช้ที่สัตย์ซื่อในประเทศไทยมาตลอด 16 ปี จนก้าวไปสู่การดูแลภาคพันธกิจยุโรปของ Hope International Ministries เป็นเวลาเกือบ 2 ทศวรรษ รวมถึงยังเป็นศิษยาภิบาลอาวุโส ณ เมืองลีดส์ ประเทศสหราชอาณาจักรในปัจจุบัน
ไม่ใช่เรื่องง่ายแน่นอนกว่าชีวิตจะเดินมาถึงจุดนี้ได้ โดยเฉพาะความท้าทายที่ต้องเปลี่ยนบทบาทไปรับใช้ที่ต่างแดนเพียงลำพัง ทำงานข้ามวัฒนธรรมกับผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ น่าสนใจว่าเมื่อต้องข้ามทวีปไปรับใช้ในบริบทที่สุดต่างนี้ ท่านต้องเตรียมตัวอย่างไรก่อนลงสนาม และเมื่อเข้าสู่สนามจริงต้องปรับตัวมากน้อยแค่ไหน
ช่วงเวลาเตรียมชีวิต (1988-2004)
“ทุกการรับใช้ที่ถูกหล่อหลอม เพื่อเตรียมพร้อมไปยังอนาคต”
มาเชื่อพระเจ้า ขณะกำลังจะเป็นนิสิตปี 1 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากนั้นก็เริ่มรับใช้ในกลุ่มนักศึกษาของคริสตจักร จนเมื่อสำเร็จการศึกษาได้ทำงานเป็นผู้รับใช้เต็มเวลาในคริสตจักรในงานบริหารหลายด้าน แต่มาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้นำระดับสูงอภิบาลสมาชิกหลายร้อยคนทั้งนักศึกษา คนทำงาน ชาวบ้าน
ในเวลาเดียวกัน ก็ได้ดูแลงานของคริสตจักรในด้านการผลิตบทเรียนและเป็นบรรณาธิการอาวุโสของคริสตจักร จากนั้นมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างคริสตจักรครั้งใหญ่ และถูกมอบหมายให้ดูแลกลุ่มนักศึกษาทั้งหมดของคริสตจักร ทั้งหมดนี้ถือเป็นประสบการณ์ที่มีค่ามาก เพราะเป็นการวางรากฐานการรับใช้อย่างมั่นคง
ตอบสนองต่อการทรงเรียก
เนื่องจากคริสตจักรที่สังกัดอยู่มีงานพันธกิจต่างประเทศทั่วโลก และตนเคยได้รับมอบหมายให้ดูแลแขกจากยุโรปที่มาเยี่ยมชมงานที่คริสตจักร จึงทำให้คุ้นเคยกับทวีปยุโรป ประกอบกับโดยส่วนตัวเป็นคนที่หลงใหลประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรมของยุโรปต่อมาเมื่อรู้สึกถึงการทรงเรียกทีมาจากพระเจ้าให้ไปรับใช้ในทวีปยุโรป จึงตัดสินใจปรึกษาผู้นำในปี 2002 ผู้นำเห็นด้วยในแนวทางนี้
แต่เมื่อมีความจำเป็นที่จะต้องหาผู้ที่จะมาดูแลสำนักงานคณะอำนวยการคริสตจักร (Board of Directors’ Office) ผู้นำก็ได้มาทาบทามให้ผมรับงานนี้ งานรับใช้ในช่วงนี้ได้ฝึกฝนและพัฒนาชีวิตภายใต้สภาวะกดดัน ต้องตัดสินใจแก้ปัญหาด้วยความว่องไว ชัดเจน และถูกต้อง ซึ่งเป็นประโยชน์มากเมื่อได้มารับใช้ในบริบทวัฒนธรรมยุโรป ในอีก 2 ปีต่อมา ผู้นำจึงเปิดไฟเขียวให้ย้ายมาที่ยุโรป
พระเจ้าเตรียมเราอย่างไร?
“เมื่ออยู่ในแผนการทรงเรียก ประตูที่ปิดแล้ว พระเจ้าจะเป็นผู้เปิดออกอีกครั้ง”
การสมัครเรียน เมื่อจะต้องย้ายไปที่ยุโรป เรื่องแรกที่ต้องนึกถึงคือวีซ่า เนื่องจากวีซ่าท่องเที่ยวจะอยู่ได้เพียง 90 วัน จึงวางแผนเรียนพระคัมภีร์เพื่อให้ได้วีซ่านักศึกษาที่จะทำให้อยู่ยาวขึ้นได้ ตอนนั้นก็ยื่นใบสมัครเรียนปริญญาโทไปที่โรงเรียนพระคริสตธรรมที่ประเทศนอร์เวย์ ทั้งๆ ที่ทางโรงเรียนได้ปิดรับสมัครไปแล้วเป็นเวลาสองเดือน อีกทั้งผมยังขาดคุณสมบัติที่กำหนดไว้คือต้องมีวุฒิปริญญาตรีทางด้านพระคัมภีร์และต้องผ่านการเรียนวิชาภาษากรีก
แต่ขอบคุณพระเจ้าที่จัดเตรียมผมอย่างอัศจรรย์ คือในขณะรับใช้ที่เมืองไทยเคยได้รับโอกาสเป็นผู้สอนวิชาภาษากรีกที่คริสตจักร แม้จะไม่มีวุฒิพระคัมภีร์ก็ได้รับเข้าศึกษาต่อในหลักสูตรปริญญาโทได้อย่างอัศจรรย์
การขอวีซ่า เนื่องจากตนสมัครเรียนล่าช้า อีกทั้งวางแผนจะไปถึงก่อนเปิดภาคเรียนเพื่อร่วมสัมมนาคริสตจักรในเครือที่ยุโรปทำให้มีเวลาจำกัดมากในการขอวีซ่า พระเจ้าก็ทรงทำการอัศจรรย์อีกให้ได้วีซ่าภายในสองเดือนแทนที่จะเป็นสี่เดือนตามปกติ กระทั่งเจ้าหน้าที่สถานทูตยังทักด้วยความประหลาดใจว่า ได้วีซ่าเร็วมาก
“เราเตรียมตัว พระเจ้าเตรียมเรา”
เมื่อมองย้อนกลับไปจะเห็นถึงการทรงเรียกที่ชัดเจนในทุกช่วงการรับใช้ การเตรียมชีวิตและการหล่อหลอมให้เรามีความพร้อมในด้านต่างๆ ก่อนที่จะไปรับใช้ในต่างแดน เช่น ความพร้อมทางด้านภาษา การทำงานภายใต้แรงกดดัน การถูกฝึกในเรื่องการตัดสินใจ ความรู้ทางด้านพระคัมภีร์ ความชื่นชอบในทวีปยุโรป การมีสายสัมพันธ์ผู้รับใช้ในยุโรป และอีกมากมาย หากเราเดินบนเส้นทางการทรงเรียก พระเจ้าจะรับรองเราในทุกย่างก้าว
ความท้าทายแรกใน 2 ปีแรกที่ต่างแดน
“แน่วแน่ในการทรงเรียก นำหน้าด้วยการรับใช้”
การเรียนที่นอร์เวย์แตกต่างจากการเรียนในประเทศไทยอย่างสิ้นเชิง ผมต้องปรับตัวมาก เพราะการศึกษาในยุโรปโดยเฉพาะในระดับปริญญาโทนั้นเน้นให้มีเสรีภาพในการคิด โดยเฉพาะความคิดที่แตกฉานและแตกต่าง
ส่วนงานรับใช้ ต้องมาเป็นผู้นำดูแลงานพันธกิจยุโรป โดยจะไปเยี่ยมเยียนคริสตจักรในยุโรป ทั้งในอังกฤษ เยอรมัน สาธารณรัฐเช็ก สวิตเซอร์แลนด์ ไม่ง่ายที่ต้องใช้เวลาทำความรู้จักและสร้างความคุ้นเคยกับผู้นำในคริสตจักรต่างๆ ที่มีบุคลิกลักษณะเฉพาะตัว อีกทั้งวัฒนธรรมยุโรปก็แตกต่างจากวัฒนธรรมไทยมาก ต้องปรับตัวกับวิธีคิดและวิธีการทำงาน ในขณะเดียวกันก็ต้องเรียนหนัก
ในหลายครั้ง เมื่อเวลาเรียนและเวลารับใช้ทับซ้อนกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเดินทางไปเยี่ยมคริสตจักรและเข้าร่วมสัมมนาต่างๆ ในประเทศอื่น ก็จะเลือกการรับใช้เป็นอันดับแรก ซึ่งอาจารย์ก็เข้าใจและอนุญาตให้ลาเรียนไปได้
จุดเปลี่ยนสำคัญหลังเรียนจบปริญญาโท
เมื่อเรียนจบปริญญาโทในเวลาสองปี ทีแรกตั้งใจจะศึกษาต่อในระดับปริญญาเอกในสถาบันเดิมและรับใช้ในประเทศนอร์เวย์ต่อไป แต่ใช้เวลาในการเขียน proposal และปรับปรุงนานมาก เมื่อเล็งเห็นว่า คงจะต้องใช้เวลาอีกระยะหนึงกว่า proposal จะผ่าน จึงเปลี่ยนแผนย้ายไปยังประเทศสหราชอาณาจักร
“สิ่งที่หวังและตั้งใจ อาจไม่ใช่น้ำพระทัยพระเจ้า แม้ประตูโอกาสเหมือนจะเปิดออกรอ แต่ถ้าไม่ใช่พระเจ้าจะทรงเป็นผู้ปิดประตูนั้น”
ครั้งนี้ตั้งใจสมัครวีซ่าทำงานเป็นผู้รับใช้ในคริสตจักร แต่เนื่องจากคริสตจักรที่นั่นยังไม่เคยมีประสบการณ์ขอวีซ่าประเภทนี้มาก่อน จึงมีแนวคิดจะจ้างนักกฎหมายเพื่อทำเรื่องให้ แต่ก็จะมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก จึงตัดสินใจดำเนินเรื่องด้วยตนเอง ปรากฏว่าได้รับอนุมัติวีซ่าภายในเวลา 4 วันซึ่งอัศจรรย์มากๆ จึงได้ย้ายมาพำนักที่ประเทศสหราชอาณาจักรจนทุกวันนี้
ข้อคิดในการรับใช้ต่างแดน
- ถ้าพระเจ้าเรียกเรา พระองค์จะทรงเปิดทุกประตูให้เรา
- การทรงเรียกที่ชัดเจนจะทำให้มั่นใจในการก้าวต่อไป โดยเฉพาะเมื่อเผชิญปัญหาและความท้าทาย หลายครั้งเมื่อเกิดความเครียด ท้อแท้ในการรับใช้เคยสงสัยว่า เราใช่คนที่เหมาะจะอยู่ในตำแหน่งนี้หรือไม่ แต่เมื่อมองย้อนกลับไปถึงการทรงเรียกจากพระเจ้า ก็ทำให้มีกำลังที่จะสู้ต่อไปจนมีชัยชนะ
- ผู้นำต้องมีใจถ่อม เปิดใจฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง คนยุโรปกล้าแสดงความคิดเห็น กล้าเห็นต่าง การรับฟังทำให้เขาเห็นว่าเราถ่อมใจและให้เกียรติเขา ในทางกลับกัน เขาก็จะถ่อมใจและให้เกียรติเราด้วย
- คนยุโรปเคารพการตัดสินใจของผู้นำ แม้จะคิดเห็นไม่ตรงกัน โต้เถียงกัน แต่ถ้าสรุปแล้วผู้นำยืนยันให้ทำก็จะทำตาม และจะไม่นินทาหรือบ่นต่อว่าผู้นำลับหลัง เพราะเชื่อว่าการเชื่อฟังเป็นหลักการพระคัมภีร์
- คนยุโรปจะยอมรับเราในความเป็นตัวเราโดยไม่คาดหวังว่าผู้นำต้องสมบูรณ์แบบทุกอย่าง ซึ่งอาจแตกต่างจากคนเอเชียที่จะคาดหวังความสมบูรณ์แบบของผู้นำ ความโปร่งใสและการยอมรับความอ่อมแอและไม่สมบูรณ์แบบของเราทำให้เขาไว้ใจเรา และอยากสนับสนุนเรา
- การคิดนอกกรอบและความยืดหยุ่นเป็นสิ่งสำคัญของการรับใช้ต่างบริบท ต้องเข้าใจและยอมรับว่าเมื่อต่างบริบทวิธีการต้องแตกต่างด้วย การลองผิดลองถูกในวิธีการใหม่เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อใช้ไม่ได้ผล อย่ามองว่าล้มเหลว อะไรที่ไม่เกิดผล ก็เรียนรู้และปรับเปลี่ยนใหม่ได้ นี่เป็นวิธีการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ด้วย
- การตระหนักเสมอว่าหน้าที่เราไม่ใช่ทำให้คนพอใจ แต่ทำให้พระเจ้าพอพระทัย และทำให้เขาได้รับสิ่งดีที่สุดไม่ว่าเขาจะชอบหรือไม่ก็ตาม
สิ่งที่อยากหนุนใจคือ ให้เราทำให้ดีที่สุดในบทบาทในปัจจุบัน ก่อนจะฝันไปไกลถึงการรับใช้ต่างบริบท การรับใช้ในปัจจุบันเป็นโรงเรียนฝึกสอนที่ดีที่สุด เป็นไปได้ยากมากที่จะไปรับใช้ในต่างบริบทหากยังไม่เกิดผลในบริบทปัจจุบัน แต่หากพระเจ้าเรียกแล้ว จงไปด้วยความเชื่ออันแรงกล้า
บทสัมภาษณ์: อ.ประกิจ ตรีทศายุธ
เรียบเรียง: Ta Srianong
ภาพ: yousef alfuhigi on Unsplash
ออกแบบ: Nan Tharinee
บทสนทนา
ไม่มีความคิดเห็น