St.Vincent จ๋า…พลอยมาถึงแล้ว! ระหว่างรอขึ้นเครื่องต่อสุดท้ายครั้งนี้ก็มีเรื่องสนุกๆ เช่นเคย และเมื่อถึงที่หมายต้องกักตัวก่อนลงเรือ กิจวัตรประวันระหว่างกักตัวกับเพื่อนๆ จะเป็นอย่างไร ตื่นเต้นและสนุกแค่ไหน มีพระพรอะไรซ่อนอยู่ ติดตามได้ในตอนนี้ค่ะ
Journey Journal (เจอนี่เจอนั่น) ตอนที่ 2: Pre-Quarintine
ท้าวความตอนที่แล้ว ณ สนามบิน Bridgetown, Barbados กระเป๋าเดินทางใบใหญ่หาย และต้องเข้าที่พักที่โรงแรมหนึ่งคืน ระหว่างรอขึ้นเครื่องไป Kingstown, St.Vincent ในวันถัดไป
แท็กซี่ก็ได้พาพวกเรามายังที่พักชื่อ Infinity on the Beach คนขับอัธยาศัยดีมากชวนคุยตลอดทาง คุยเก่ง คอยแนะนำแต่ละจุดที่ขับผ่าน เหมือนเป็นไกด์ชะเง้อทัวร์เพราะได้แต่ชะเง้ออยู่ในรถ เห็นบ้าง ไม่เห็นบ้าง แต่ไม่เห็นซะส่วนใหญ่
พี่คนขับก็ถามว่าพรุ่งนี้ให้มารับกลับไปที่สนามบินไหม กี่โมงดี เราก็บอกเราขึ้นเครื่อง 17.20 น. ควรไปกี่โมง เค้าไม่ตอบ เค้าบอกว่าจากที่พักไปสนามบินประมาณ 20 นาที (แม่บอกว่า 20 นาที รถไม่ติดเลยนี่แปลว่าไกลอยู่มากนะ) ที่พักที่เราพักนั้นแอบได้ยินเสียงคลื่นซัดฝั่ง แต่มองไม่เห็นอะไรเลย ตึกข้างหน้าบังพอดี
ตอนเช้าตื่นมาก็ได้มีโอกาสเข้ากลุ่มสามัคคีธรรมออนไลน์ของที่โบสถ์ ก็ได้มีโอกาสเล่าเรื่องต่างๆ รวมถึงเรื่องกระเป๋าหายด้วย พอ 9 โมงกว่าๆ อาหารเช้าก็มา เยอะมาก อร่อยดี มีพี่ที่รู้จักบอกว่าประเทศบาร์เบโดสนั้นนำเข้าของจาก USA หมดเลย ซึ่งเราก็เข้าใจทันทีเพราะเห็นสบู่ในห้องน้ำเขียนว่าผลิตที่ USA ก็แอบสงสัยหน่อยๆ
เมื่อทำอะไรเสร็จเรียบร้อยก็ลงมาเพื่อเช็คเอ้าท์ ก็เจอแท็กซี่มารอรับพวกเราแล้ว เราจึงแอบวิ่งไปที่ทะเลเพื่อถ่ายรูปมา 2-3 ภาพ ทะเลที่บาร์เบโดสคือ…สวยมาก หาดสะอาด น้ำใสกิ๊งสุดๆ แต่ร้อนมาก แท็กซี่บอกว่าที่นี่มีฤดูเดียวคือร้อน ร้อนทั้งปี
สนามบินที่บาร์เบโดสข้างนอกเป็นโดมไม่มีเครื่องปรับอากาศแต่ว่าอากาศเย็นสบาย ลมแรงมากๆ ตอนเราเช็คอินก็แอบลุ้นๆ นิดนึงเนื่องจากระยะเวลาของผลตรวจโควิดของเรามั้ง เจ้าหน้าที่หายไปสักพักใหญ่ แต่พอเจ้าหน้าที่กลับมาเค้าก็บอกว่าไปได้ ไม่มีปัญหา พอเดินเข้าไปข้างในเพื่อหาเกตที่จะขึ้น ก็เหมือนว่าเกตยังไม่เปิดเค้าจึงบอกว่านั่งไหนก็ได้ รอไปก่อน ข้างในมีร้านค้าปกติและก็มีแอร์ นั่งรอนานจนรากงอกเพราะมาก่อนเวลาเครื่องออกนานอยู่พอสมควร เครื่องบินที่เรานั่งเป็นแบบใบพัดลำเล็กมาก ผู้โดยสารมีไม่มากแต่กลับเต็มลำ
นักบินเป็นชาวเกาหลีขับได้นิ่มมากๆ เหมือนพาทัวร์ชมท้องฟ้า ท้องฟ้าสวย เห็นก้อนเมฆแบบใกล้ๆ เครื่องลำที่เรานั่งมาเหมือนว่าจะแวะส่งพวกเราก่อน แล้วบินไปต่อที่เกาะอื่นๆ เพราะมีแค่พวกเราที่ลง ซึ่งพอหันไปข้างๆ ก็มีอีกลำนึงที่มาพร้อมกันจากบาร์เบโดสปรากฏว่าลำนั้นมีพวกเราที่จะไปเรืออีก 3 คนมาจากประเทศบราซิลและจาไมก้า คนบราซิลเค้าบอกว่าเค้านั่งมา 5 ต่อ เพราะว่าประเทศที่เคยบินไปได้แบบ 2 ต่อ ปิดประเทศทำให้ต้องบินอ้อมไปมา และอีกคนก็บอกจริงๆ เค้าเดินทางนานกว่านั้นนะ เค้าขับรถมาสนามบินจากอีกเมืองนึงเพื่อมาขึ้นเลย พอเราฟังงี้ปุปคือเส้นทางของเราดูสบายไปเลย ทำไมพวกเค้าถึงพยายามและมุ่งมั่นกันขนาดนั้น นั่งมา 5 ต่อ เชียวนะ โหดมากๆ
พอเข้าไปข้างในสนามบินของประเทศ St.Vincent ปุ๊ป เจ้าหน้าที่ก็ให้พวกเราไปที่จุดคัดกรอง เพื่อนจากบราซิลก็บอกเจ้าหน้าที่ว่าพวกเรามาด้วยกันและจะไปด้วยกัน มันก็เลยแอบง่ายขึ้นมานิดนึง
พอถึงตอนที่เข้าไปทีละคน เค้าก็ถามๆ เราก็ตอบนิดๆ หน่อยๆ เค้าก็เหมือนรู้เรื่อง จริงๆ เราก็แอบต้องช่วยเพื่อนอีก 2 ท่านด้วย เจ้าหน้าที่ก็โอเค ปล่อยผ่านไป จากนั้นก็เดินมาที่จุดที่เป็น ตม.จริงๆ ของจริงเราก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วมากๆ อย่างงงๆ อีกแระ แต่เพื่อนคนจีนแอบติดนานอยู่นิดนึง แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี เพื่อนจากบราซิลรอพวกเราอยู่ข้างนอกเพื่อนั่งแท็กซี่ไปพร้อมกัน วิวระหว่างทางเป็นภูเขา บ้านต่างอยู่ริมเขา ผู้คนเหมือนอยู่รวมๆ กัน คล้ายๆ มาปาร์ตี้ยังไงไม่รู้ เพื่อนจากจาไมก้า ก็ชวนคนขับคุย คนขับก็บอกว่าที่นี่ไม่มีใครใส่แมสเลย คุณไม่เห็นเหรอ แถมยังมีการจอดรถให้ดูอีกนะ คือคนรวมตัวกันเป็นกระจุกแต่ไม่ใส่แมสเลย เค้าก็พูดเหมือนว่าไม่มีใครบอกให้ทำ ไม่ได้มีใครอธิบายจริงๆ เหมือนพวกเค้าเองก็ไม่เข้าใจ ประมาณนั้นจับใจความได้แค่นี้ เพราะคุยกันเร็วมากและเราเองนั่งอยู่ริมหน้าต่าง ลมตีหน้าตลอดทาง
ตื่นขึ้นมาด้วยความสดใสหลังจากสลบไปเกือบ 8 ชม. เต็ม เมื่อคืนที่มาถึง St.Vincent ห้องของเรายังคงอยู่ด้วยกัน 3 คนเหมือนเดิม แม้จะมี 4 เตียงด้วยกัน มื้อเย็นเป็นพิซซ่า 1 ถาดเล็กๆ ที่ข้างห้องแบ่งมาให้พวกเรา ห้องข้างๆ นี้เป็นห้องที่เปิดถึงกัน
มีอีก 4 คนอยู่ห้องนั้น ซึ่งจำชื่อไม่ได้แล้ว แต่หวังว่าคงจะรู้จักกันมากขึ้นหลังจากนี้ ต้องบอกก่อนว่าที่พักของเราเป็นอพาร์ทเม้นท์ ทั้งตึกเป็นคนที่มากักตัวเพื่อไปขึ้นเรือทั้งหมด (คิดว่านะ) พอกินไปสักพัก เจ้าหน้าที่ก็นำขนมปัง ข้าวโพด และแยม 3 ชนิดมาให้ มี เนยถั่ว พีช และก็อะไรสักอย่างคล้ายๆ กับนูเทล่า หลังจากกินเสร็จ เราก็ตรงไปยังที่นอนเลย ง่วงมาก อาจเพราะเดินทางมาทั้งวันนั่งรอที่สนามบินทั้งวัน
วันที่ 17 มกราคม 2021 ณ Bayhill Apartments, St.Vincent and the Grenadines
ถือเป็นวันแรกที่อยู่ที่ประเทศ St.Vincent แบบเต็มๆ วัน ทั้งวัน ไม่ได้ทำไรมากนัก เดินขึ้นๆ ลงๆ ไปรับอาหารนั่นเอง ก็เล่าแบบยาวๆ ละกันค่ะ ก็พวกเราตื่นกันเช้ามากๆ ตี 3 4 5 ก็คือตื่นกันหมดแล้ว แต่ก็ยังไม่มีใครลุกไปทำอะไร จนเราเองที่หิว จึงลุกไปเปิดตู้เย็นหยิบของกินที่มี ก็พบว่ามีขนมปังหายไปบ้างแล้ว พวกเราก็เลยแบ่งๆ กันเท่าที่มี รวมถึงหยิบเสบียงในกระเป๋าออกมาเสริมทัพอีกด้วย เนื่องจากพยายามเคาะห้องข้างๆ แล้ว ติดต่อเจ้าหน้าที่แล้ว ทุกอย่างเงียบกริบ ก็ใช่แหละ พวกเราตื่นเช้ากันเกินไปนั่นเอง พอห้องข้างๆ ตื่น เราก็ไปถามเค้าว่ามีอะไรกินบ้างไหม เค้าก็ถามว่าเมื่อคืนกินอะไรกันไป พวกเราก็บอกพิซซ่าที่คุณให้มาไง
เพื่อนทำหน้าตกใจแบบมากๆๆ ของมากๆๆ และบอกว่าแค่นั้นจะไปพอได้อย่างไร ไม่มีใครเอาไรมาให้กินเลยเหรอ?! เราก็บอกว่ามีแต่นิดหน่อย เค้าก็รีบหยิบเสบียงห้องเค้ามาให้ แล้วก็พาพวกเราไปที่ห้องครัวว่า เธอสามารถไปหยิบของอย่างอื่นได้ที่นี่อีกนะ แล้วก็พาเดินชมตึกมีโอกาสได้พบคนอื่นๆ อีก มีทั้งมาเป็นคู่ เป็นครอบครัวก็มี ก็ทักทายกันไป พวกเค้าก็ถามเราว่า มาชมตึกเหรอ? พวกเธอจะได้เดินชมอีกหลายครั้งแน่นอนเพราะพวกเราจะอยู่ที่นี่กันอีก 14 วันเลย เรือของพวกเราอยู่หลังเขาลูกนี้ไป ขับรถประมาณ 4-5 นาทีก็ถึง ไม่ไกลเลย นิดเดียวเอง
พอถึงกลางวันก็มีคนมาเคาะห้อง แจ้งว่าอาหารมาแล้วให้ออกไปเอานะ อาหารกลางวันที่เค้าให้เรามาเยอะมาก เยอะจนแบกไม่ไหว แต่ก็คือ เหมือนๆ เดิมแหละ ผักสลัด มะเขือเทศ แตงกวา ไข่ต้ม ชีส 2 แบบ แฮม และก็ขนมปัง อีกแล้ว!! เพื่อนคนจีน หรือ ซูซี่ ก็ช่วยพวกเราทำขนมปังโดยการใช้ตะเกียบคีบทุกสิ่งอย่าง เซียนมาก ชีสไม่ขาดด้วยนะ พวกเราก็ได้คุยกัน จึงได้รู้ว่าเค้าอายุ 24 มาจาก Yuncheng ที่มีทะเลเกลือสีๆ เราก็ถามว่า เค้าใส่สีลงไปหรือว่ามันเป็นอยู่แล้ว เพื่อนก็บอกว่า เอออ…ไม่รู้เหมือนกันแหะ ซูซี่เรียนจบเกี่ยวกับ Design Landscape เค้าได้เปิดผลงานให้ดู เพราะเราเปิดยูทูปของเราให้เค้าดูก่อน งานของซูซี่เน้นธรรมชาติอยู่ในป่า สวยเลยแหละ ไอเดียก็ดูค่อนข้างน่าสนใจ ดูสะอาดตา กรีนๆ เอิร์ธโทนๆ เค้าก็บอกว่าเค้าได้เรียน Interior Design มาด้วยนะ เลยถามกลับไปว่าคิดเห็นอย่างไรกับห้องนี้ เพื่อนก็ขำ อย่างเดียว คือห้องมันสัดส่วน งงๆ ประหลาดๆ บอกได้แค่นี้แหละ
“อ๊ายยยยยยยยยยยยย……” เสียงกรี๊ดมาจากห้องข้างๆ ก็ งง ไปสิ เกิดไรขึ้น ก็ได้ยินต่อประมาณว่าใครฆ่ามันเป็นบ้าง หรือทำไงให้มันออกไป ก็พบได้ว่ามีแมงมุมอยู่ใกล้ๆ ที่นอนของเพื่อนห้องข้างๆ นั้นเอง เราก็เสนอว่าเอาถุงพลาสติกมาครอบมันไหม แล้วไปปล่อยข้างนอก จากนั้นเราก็เดินออกมาจากห้องเพราะเห็นคนเยอะเหลือเกิน เลยถอยทัพตัวเองดีกว่า ก็กักตัวไง แต่ดูเหมือนกักตัวแบบปลอมๆ เหลือเกิน (แต่หลังจากนั้นเค้าก็ประกาศในกลุ่มแชทว่ารบกวนทุกท่านไม่ออกจากห้องให้อยู่ในชั้นของตัวเองเพียงเท่านั้น!!!!!!!)
โอเคกลับมาเรื่องแมงมุม และแล้วแมงมุมก็วิ่งหนีย้ายห้องมายังห้องเรา พี่เปิ้ลก็พยายามจับและไล่มันไปเรื่อยๆ จนมันเกือบออกประตูเราไป แต่ก็ไม่ออก ดันวิ่งมาที่อ่างน้ำ ซูซี่เพื่อนคนจีนก็มาช่วย โดยใช้ชามสองใบ และก็จับมันได้ ก็โยนออกประตูไป แต่แมงมุมก็เก่งเหลือเกินย้อนกลับมาโดยไว พวกเราก็รีบปิดประตูใส่มันซะเลย มันจะได้ไม่กลับเข้าห้องอีกครั้ง ดีใจกันทั้งชั้น
เพื่อนห้องข้างๆ ก็แวะมาทักทายบ่อยเหลือเกิน เค้าก็อยากจะต้อนรับ เพราะมีคนนึงมาจากประเทศอะไรสักอย่าง แต่อยู่ในแคริบเบียนนี่แหละ เค้าก็เลยพยายามจะดูแลพวกเรา เค้าเอากางเกงกับเสื้อมาให้เราเพิ่มด้วยบอกว่า เผื่อจะจำเป็น ก็เลยได้มีโอกาสคุยกัน คนนี้เค้าเป็น Artist เค้าบอกว่าเค้าวาดรูปประมาณนั้น ส่วนคนที่เหลือบอกว่าเค้าอายุประมาณ 21–22 ปี
พอตกเย็น ประมาณ 6 โมง ก็มีคนมาเคาะห้อง บอกอาหารเย็นมาแล้วให้ขึ้นไปเอาได้ พวกเราก็ขึ้นไปรับอาหารข้างบนที่พัก (คือที่นี่เหมือนเราลงเขา ลงไปเรื่อยๆ ชั้นถนนจะอยู่บนสุด แล้วไล่ลงไปเรื่อยๆ ดีที่เราไม่ได้ลงไปมากแค่สองชั้นเท่านั้น บันไดที่นี่สูงมากพอสมควรในแต่ละขั้น สามารถตกบันไดได้ง่ายๆ เลย) อาหารของเราทุกมื้อจัดเตรียมมาจากที่เรือ โดยจะมีคนนำมาส่งตอนเย็นและเรียกพวกเราทีละชั้นไปรับอาหาร เพื่อไม่ให้คนในบริเวณนั้นเยอะจนเกินไป ซึ่งเราจะได้อาหารครบทั้ง 3 มื้อ คือ อาหารเย็นของวันนั้น อาหารเช้าและกลางวันของวันถัดไป
ขอบคุณพระเจ้าที่พาพลอยและทุกๆ คนให้มาถึงที่พักด้วยความปลอดภัยและราบรื่น ไม่มีอะไรตื่นเต้นมากนัก มีให้ลุ้นเองนิดๆ หน่อย แต่ก็พอจะรู้สึกอยู่บ้างว่ากระเป๋าจะหายแต่ก็ไม่คิดว่ากระเป๋าจะหายจริงๆ ตอนที่หายจริงๆ ก็เลยไม่ได้ตื่นเต้นมากนัก แค่เซ็งๆ เพียงเท่านั้น และก็อยากขอบคุณพระเจ้าอีกเรื่องที่ให้พลอยสามารถสื่อสารกับคนอื่นรู้เรื่องทั้งที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษมานานมากแล้ว แต่ก็พอฟังออก อ่านได้ พูดรู้เรื่องประมาณนึง ขอบคุณพระเจ้าที่ประทานสติปัญญามาให้ และก็ให้ทุกคนพูดภาษาอังกฤษอย่างช้าๆ จนเราฟังเข้าใจ
ฉบับหน้ามาดูกันว่าการกักตัว หรือ Quarintine ที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนมกราคมปี 2021 ในประเทศ St.Vincent และ the Grenadines นั้นจะเป็นอย่างไร กระเป๋าที่หายไปนั้น จะกลับมาหรือเปล่า และจะได้เจอพี่หมีอีกไหม? รอติดตามนะคะ
บทสนทนา
ไม่มีความคิดเห็น