ณ ทางหลวงแห่งหนึ่ง นายตำรวจท่านหนึ่งได้โบกให้รถสิบล้อหยุดเพราะขับรถเกินความเร็วที่กฎหมายกำหนด ในเชิงปรัชญาคำถามที่น่าสนใจคือ “ทำไมรถสิบล้อต้องหยุด?” หรือ “นายตำรวจมีความสามารถในการหยุดรถได้อย่างไร?”
เพื่อที่จะทำความเข้าใจในประเด็นนี้ มีคำสองคำที่ควรพิจารณาคือ
พลัง (Power) และ สิทธิอำนาจ (Authority)
ความหมาย
Power หมายถึง ความสามารถหรือศักยภาพในการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ซึ่งจะมากหรือน้อยก็ขึ้นกับ “ความรู้ และ ประสบการณ์” ของแต่ละคน
Authority หมายถึง สิทธิหรืออำนาจที่มอบให้แก่บุคคลหนึ่ง เพื่อทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ซึ่งจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับ “ผู้ให้สิทธิอำนาจ”
จากตัวอย่างข้างต้น เราจะพบว่า นายตำรวจไม่มี power ในการหยุดรถสิบล้อ แต่เขามี authority ที่ได้รับมาจากรัฐในการหยุดรถ
ข้อชวนคิด
1. คริสเตียนมี power จากพระเจ้าที่แตกต่างกัน
ใน 1 โครินธ์ 12 เปาโลย้ำว่าเราแต่ละคนมีของประทานที่แตกต่างกัน ซึ่งก็หมายถึง ความสามารถหรือศักยภาพที่แตกต่างกันเพื่อทำงานที่แตกต่างกัน ดังนั้นเราไม่ควรดูถูกใน power ของตัวเอง และควรให้เกียรติใน power ของผู้อื่น
2. คริสเตียนทุกคนมี authority มาจากพระเจ้า
ในพระมหาบัญชา (มัทธิว 28:18-20) พระเยซูได้บอกกับเราว่า
“สิทธิอำนาจทั้งหมดในสวรรค์ก็ดี ในแผ่นดินโลกก็ดีทรงมอบไว้แก่เราแล้ว เพราะฉะนั้น ท่านทั้งหลายจงออกไปและนำชนทุกชาติมาเป็นสาวกของเรา …”
คริสตจักรส่วนใหญ่เชื่อว่าพระคัมภีร์ตอนนี้ไม่ใช่เพียงพูดถึงสาวกเท่านั้น แต่พูดถึงเราทุกคนด้วย ดังนั้นในทางทฤษฎี คริสเตียนทุกคนได้รับ authority ในการรับใช้มาจากพระเจ้าอย่างเต็มขนาด
3. พระเจ้าเป็นผู้มอบ authority และ power
ในการหยุดรถกระบะ นายตำรวจมั่นใจใน authority ไม่ได้มั่นใจใน power
ในการรับใช้พระเจ้า คริสเตียนต้องระวังท่าทีแห่งความหยิ่งผยองว่า เราเก่ง เราทำได้ แต่ต้องตระหนักเสมอว่า authority และ power ทั้งหมดมาจากพระเจ้า
นายตำรวจไม่มี ”power” เพียงพอในการหยุดรถสิบล้อ
แต่ตำรวจมี ”authority” เพียงพอในการหยุดรถสิบล้อ
คริสเตียนไม่มี “power” เพียงพอในการรับใช้
แต่คริสเตียนมี “authority” เพียงพอในการรับใช้
คำถามชวนคิด
หากมีคนสองคนที่มี authority เหนือเรา และออกคำสั่งในสิ่งที่แตกต่างกัน เราจะเลือกเชื่อฟังใคร? เพราะอะไร?
บทความ: ดร.อาณัติ เป้าทอง
ภาพ: Logan Troxell on Unsplash
ออกแบบ: Nan Tharinee
Nan