เวลาที่เราวางแผนการเดินทางท่องเที่ยวนั้นเราจะเตรียมชีวิตของเราให้พร้อมต่อจุดหมายปลายทางที่เราจะไปเสมอ เช่น ถ้าเรารู้ว่าสถานที่ที่เราจะไปเที่ยวนั้นมีอากาศหนาวเย็นเราก็ต้องเตรียมเสื้อผ้าที่เหมาะสมกับสภาพอากาศที่หนาวเย็น
หรือถ้าสถานที่เราไปนั้นมีสภาพภูมิประเทศที่มีความท้าทายออกแนวผจญภัย เราก็จะเตรียมอุปกรณ์ที่เหมาะสมต่อสภาพแวดล้อมของสถานที่ที่เราจะไปท่องเที่ยว ถ้าจุดหมายปลายทางของเราอยู่ในอีกประเทศหนึ่ง เราก็ต้องรู้ด้วยว่าเราต้อง “ขอวีซ่า” (ขออนุญาตเข้าประเทศ) ด้วยหรือไม่
บางครั้งเราถึงขั้นศึกษาภาษาของสถานที่ปลายทางเพื่อจะได้ใช้เวลาในสถานที่ดังกล่าวได้อย่างราบรื่นให้มากที่สุด เป็นต้น
ในทำนองเดียวกัน ถ้าเรารู้ว่าสักวันหนึ่งเราจะได้ไปยังแผ่นดินสวรรค์ เราก็น่าจะศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับแผ่นดินสวรรค์เพื่อจะเตรียมตัวให้พร้อมต่อการเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางนี้เช่นกัน ถ้าเรามีความมุ่งมาดปรารถนาที่จะไปอยู่ที่แผ่นดินสวรรค์เราก็ต้องศึกษาสภาพแวดล้อมของแผ่นดินสวรรค์ ศึกษาภาษา (แนวทางในการสื่อสาร) ที่ใช้ที่นั่น
ในทางกลับกัน ถ้าเราลืมเรื่องราวต่างๆ ของแผ่นดินสวรรค์ เราก็จะเริ่มยึดติดกับโลกนี้และมีนิสัยและบรรทัดฐานแบบคนที่รักโลกนี้ และเราขาดการเตรียมชีวิตให้เหมาะสมต่อการไปอาศัยอยู่ในแผ่นดินสวรรค์ แต่ถ้าเราเตรียมตัวให้เหมาะสมกับแผ่นดินสวรรค์ พระเจ้าก็จะทรงใช้เราในการตอบคำอธิษฐานของเราเองที่ว่า “ขอให้แผ่นดินของพระองค์มาตั้งอยู่” ด้วยเช่นกัน (นอกเสียจากว่าคุณอธิษฐานคำอธิษฐานนี้แบบเป็นพิธีและไม่ได้คิดว่าอยากจะให้สิ่งนี้เกิดขึ้นจริงๆ)
เป้าหมายของบทความนี้คือการแนะนำให้ผู้อ่านรู้จักสวรรค์มากยิ่งขึ้น หรือกล่าวอีกอย่างหนึ่งคือการทำ “PR ให้แก่สวรรค์” นั่นเอง แต่ PR ที่ว่านี้จะประกอบไปด้วย 3Ps และ 4Rs ดังต่อไปนี้
3 Ps ของแผ่นดินสวรรค์
1) Prominence of Heaven (ความโดดเด่นของคำว่าสวรรค์)
คำภาษาฮีบรูที่แปลว่า “ฟ้าสวรรค์” คือคำว่า “ชามายิม” (Shamayim) ปรากฏ 420 ครั้งในพระคริสตธรรมคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ส่วนในภาคพันธสัญญาใหม่นั้นใช้คำภาษากรีกว่า อูรานอส (ouranós) ซึ่งปรากฏ 284 ครั้ง
สาเหตุที่มีคำว่าสวรรค์ปรากฏอยู่หลายร้อยครั้งในพระคัมภีร์ (เฉพาะที่เอ่ยถึงโดยตรง) เพราะพระเจ้าต้องพระประสงค์ให้ผู้เชื่อจดจ่อส่อความคิดของพวกเขาไปที่การกลับไปอยู่ใกล้ชิดพระองค์ พระองค์ต้องการให้พวกเขามีความหวังในการดำเนินชีวิตท่ามกลางความยากลำบากและความไม่สมบูรณ์ของแผ่นดินโลกนี้
2) Plurality of Heaven (จำนวนชั้นของสวรรค์)
เมื่อพระคัมภีร์กล่าวถึงคำว่า “สวรรค์” นั้นพระคัมภีร์อาจจะหมายถึงสวรรค์ชั้นใดชั้นหนึ่งดังต่อไปนี้
ชั้นที่ 1 ชั้นบรรยากาศ
สวรรค์ชั้นที่ 1 คือชั้นที่อยู่ใกล้แผ่นดินโลกมากที่สุด เป็นชั้นที่อยู่ภายใต้บรรยากาศของโลก ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของเมฆ ฝน หิมะ เป็นชั้นซึ่งอยู่ในระดับที่สัตว์ปีกยังคงบินไปมาได้ ดังตัวอย่างในพระธรรมต่อไปนี้
อิสยาห์ 55:10 เพราะเหมือนฝนและหิมะลงมาจากฟ้าสวรรค์ และไม่กลับที่นั่นเว้นแต่ได้รดแผ่นดินโลก แล้วทำให้บังเกิดผลและแตกหน่อ ทั้งให้เมล็ดพืชแก่ผู้หว่านและอาหารแก่คนกิน
ปฐมกาล 1:20 พระเจ้าตรัสว่า “น้ำจงอุดมด้วยฝูงสัตว์ที่มีชีวิต และให้นกบินไปมาในภาคพื้นฟ้าเหนือแผ่นดิน
ชั้นที่ 2 ชั้นอวกาศ
สวรรค์ชั้นที่ 2 คือชั้นซึ่งเป็นที่ตั้งของดวงดาวต่างๆ ปัจจุบันมนุษย์ยังไม่สามารถพบขอบเขตของอวกาศหรือจักรวาลได้
ปฐก. 1:14-17 14พระเจ้าตรัสว่า “จงมีดวงสว่างต่างๆ ของภาคพื้นฟ้า เพื่อแยกวันออกจากคืน ให้เป็นหมายกำหนดฤดู วัน ปี 15และให้เป็นดวงสว่างต่างๆ บนภาคพื้นฟ้า เพื่อส่องสว่างเหนือแผ่นดิน” ก็เป็นดังนั้น 16พระเจ้าทรงสร้างดวงสว่างขนาดใหญ่ไว้สองดวง ให้ดวงที่ใหญ่กว่าครองวัน ดวงที่เล็กกว่าครองคืน พระองค์ทรงสร้างดวงดาวต่างๆ ด้วย 17พระเจ้าทรงตั้งดวงสว่างเหล่านี้ไว้บนภาคพื้นฟ้า ให้ส่องสว่างเหนือแผ่นดิน
ชั้นที่ 3 เป็นที่สถิตของพระเจ้า
สวรรค์ชั้นที่ 3 เป็นสถานที่ที่อยู่ในโลกฝ่ายวิญญาณ จึงไม่มีมนุษย์คนใดเดินทางไปถึงได้ด้วยร่างกายของโลกนี้ (พระเยซูคริสต์ทรงเสด็จไปสู่สวรรค์ชั้นนี้ได้เนื่องจากพระองค์ทรงมีพระกายใหม่หลังจากที่ทรงเป็นขึ้นจากความตาย)
2 โครินธ์ 12:2-4 2ข้าพเจ้ารู้จักชายคนหนึ่งที่อยู่ในพระคริสต์ เมื่อสิบสี่ปีที่แล้วเขาถูกรับขึ้นไปยังสวรรค์ชั้นที่สาม (จะไปทั้งร่างกายหรือไปโดยไม่มีร่างกายข้าพเจ้าไม่รู้ พระเจ้าทรงรู้) 3ข้าพเจ้ารู้ว่าชายคนนี้ (จะไปทั้งร่างกายหรือไม่มีร่างกายข้าพเจ้าไม่รู้ พระเจ้าทรงรู้) 4ถูกรับขึ้นไปยังเมืองบรมสุขเกษม และได้ยินถ้อยคำที่บอกไม่ได้ซึ่งไม่อนุญาตให้มนุษย์กล่าวถึง
มธ. 5:16 พระบิดาผู้ทรงสถิตในสวรรค์…
3) Place of Heaven (ลักษณะของสวรรค์)
เห็นได้ชัดว่าในสวรรค์นั้นเราจะไม่ได้ล่องลอยไปล่องลอยมาไปวันๆแต่เราจะมีที่อยู่เป็นของเราเองตามที่พระเยซูคริสต์ทรงตรัสอธิบายไว้ในพระธรรมยอห์นการมีที่อยู่ก็คงจะเกี่ยวข้องกับเรื่องของทรัพย์สินที่จะอยู่ในที่อยู่นั้นๆด้วยและมีความเป็นไปได้ว่าสภาพของที่อยู่และบำเหน็จที่ได้รับนั้นก็จะขึ้นอยู่กับความซื่อสัตย์รับผิดชอบต่อการรับใช้พระองค์บนแผ่นดินโลกนี้
ยอห์น 14:1-3 1“อย่าให้ใจของพวกท่านเป็นทุกข์เลย พวกท่านวางใจในพระเจ้า จงวางใจในเราด้วย 2ในพระนิเวศของพระบิดาเรามีที่อยู่มากมาย ถ้าไม่มีเราคงบอกท่านแล้ว เพราะเราไปจัดเตรียมที่ไว้สำหรับพวกท่าน 3เมื่อเราไปจัดเตรียมที่ไว้สำหรับท่านแล้ว เราจะกลับมาอีกและรับท่านไปอยู่กับเรา เพื่อว่าเราอยู่ที่ไหนพวกท่านจะได้อยู่ที่นั่นด้วย
4 Rs ของแผ่นดินสวรรค์
Redeemer พระผู้ไถ่ หรือ พระผู้ช่วยให้รอด
บุคคลแรกที่เราจะได้พบในแผ่นดินสวรรค์ก็คือองค์พระเยซูคริสต์ผู้เป็นที่รักของเราเพราะพระองค์ทรงเป็นแบบอย่างผู้เชื่อได้เห็นว่าใครก็ตามที่เชื่อในพระองค์และเป็นขึ้นมาจากความตายเหมือนพระองค์ก็จะสามารถเข้าสู่แผ่นดินสวรรค์ได้อย่างที่พระองค์เสด็จเข้าสู่แผ่นดินสวรรค์ด้วยกายใหม่ (กายวิญญาณ)
ฮีบรู 9:24 เพราะว่าพระคริสต์ไม่ได้เสด็จเข้าไปในสถานศักดิ์สิทธิ์ที่สร้างขึ้นด้วยมือมนุษย์ ซึ่งถอดแบบจากของจริง แต่พระองค์เสด็จเข้าไปในสวรรค์นั้นเอง เพื่อทรงปรากฏตัวต่อพระพักตร์พระเจ้าเพื่อพวกเรา
Relationships คนที่เรารู้จัก
คนกลุ่มต่อมาที่เราจะได้พบก็คือผู้เชื่อคนอื่นๆที่เราได้รู้จักรวมถึงผู้เชื่อคนอื่นๆที่เรายังไม่เคยรู้จักบนโลกนี้แต่จะไปรู้จักกับพวกเขาในแผ่นดินสวรรค์เราจะได้พบเจอผู้เชื่อมากมายนับไม่ถ้วนตั้งแต่ผู้เชื่อในสมัยพันธสัญญาเดิมจนมาถึงคนสุดท้ายที่ได้ตัดสินใจรับพระเยซูคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้รอด
ฮีบรู 12:22-23 … ท่านทั้งหลายมาถึงภูเขาศิโยน และมาถึงนครของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ คือนครเยรูซาเล็มแห่งสวรรค์ และมาถึงที่ชุมนุมรื่นเริงของทูตสวรรค์มากมายเหลือที่จะนับได้ 23และมาถึงคริสตจักรของบรรดาบุตรหัวปีผู้มีชื่อจารึกไว้ในสวรรค์แล้ว และมาถึงพระเจ้าผู้ทรงพิพากษาทุกคน และมาถึงจิตวิญญาณของคนชอบธรรมซึ่งถึงความสมบูรณ์แล้ว
Rewards & Riches รางวัลและทรัพย์สินที่แท้จริง
ผู้เชื่อคนใดทำสิ่งดีอันใดไว้และรับใช้พระเจ้าไว้อย่างซื่อสัตย์อย่างไรพวกเขาก็จะได้รับบำเหน็จรางวัลจากพระองค์ตามสิ่งที่พวกเขาทำ
มัทธิว 5:12 จงชื่นชมยินดีเถิดเพราะบำเหน็จของท่านในสวรรค์ยิ่งใหญ่นัก…
1 เปโตร 1:3-4 3สาธุการแด่พระเจ้าพระบิดาแห่งพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา โดยพระเมตตาล้นเหลือของพระองค์ ทรงโปรดให้เราบังเกิดใหม่ เข้าในความหวังที่ยั่งยืน โดยการคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ 4และเข้าในมรดก ซึ่งไม่เสื่อมสลายและไร้มลทิน และไม่ร่วงโรย ซึ่งได้เก็บรักษาไว้ในสวรรค์แล้วเพื่อพวกท่าน
Reservation & Residence สิทธิในการเข้าพัก
การที่เราจะเข้าสู่ประเทศเหนึ่งประเทศใดหรือดินแดนหนึ่งดินแดนใด เราก็ต้องได้รับการอนุญาตจากเจ้าของดินแดนนั้นเสียก่อน เจ้าของดินแดนต้องให้ “วีซ่า” แก่เรา เราจึงจะผ่านเข้าไปสู่ดินแดนนั้นๆ ได้ แต่ขอบพระคุณพระเจ้าเพราะพระเจ้าผู้ทรงเป็นเจ้าของสวรรค์ได้กำหนดเงื่อนไขวีซ่าการเข้าสวรรค์ไว้เพียงประการเดียวคือการกลับใจใหม่จากความผิดบาปและเชื่อว่าพระเยซูคริสต์คือผู้เดียวที่สามารถจะไถ่เราให้หลุดพ้นจากโทษทัณฑ์ของความผิดบาปได้ คือยอมรับเอาพระองค์เข้ามาเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเรา แล้วพระองค์ก็จะทรงประทานสิทธิให้เราได้เป็นบุตรของพระเจ้า (ยอห์น 1:12) และการได้เป็นบุตรนี้เองทำให้เรามีสิทธิโดยปริยายที่จะอยู่อาศัยในบ้านของผู้ให้กำเนิดของเรา เหมือนดังเช่นที่เด็กๆ ทุกคนมีสิทธิที่จะอยู่อาศัยในบ้านของพ่อแม่ของเขาเพราะเขามีชื่อจดไว้ในทะเบียนราษฎร์ว่าเขาเป็นบุตรของใคร
วิวรณ์ 21:27 และไม่มีสิ่งใดที่เป็นมลทิน หรือคนใดที่ประพฤติอย่างน่าสะอิดสะเอียน หรือประพฤติการหลอกลวงจะเข้าไปในนครนั้นได้ นอกจากพวกที่มีชื่อจดไว้ในหนังสือชีวิตของพระเมษโปดกเท่านั้น
ให้เราสังเกตว่า วิวรณ์ 21:27 ไม่ได้กล่าวว่าคนที่จะเข้าสวรรค์ได้นั้นต้องไม่เคยทำผิดคิดพลาดอะไรมาก่อนเลย แต่คนที่จะเข้าสู่สวรรค์ได้นั้นต้องเป็นคนที่ “มีชื่อจดไว้” ซึ่งอันที่จริงคนในยุค COVID-19 ย่อมเข้าใจเรื่องนี้ดีว่าหากใครไม่ได้ลงทะเบียนเข้าสถานที่ใดสถานที่หนึ่งที่เจ้าของสถานที่กำหนดให้ลงทะเบียนล่วงหน้า เขาก็จะเข้าไปในสถานที่นั้นไม่ได้
วันนี้คุณลงทะเบียนเข้าสู่สวรรค์ผ่านทาง App “องค์พระเยซูคริสต์ พระผู้ช่วยให้รอด” แล้วหรือยัง? บางคนก็ download App เข้ามาในเครื่องรอไว้แล้ว แต่ก็ยังไม่ยอมกด “ลงทะเบียน” ถ้าเป็นเช่นนี้การ download App (ข้อมูลเกี่ยวกับพระองค์) มาไว้ในชีวิตของคุณก็ไม่มีความหมายอะไร ไม่มีผลอะไร จนกว่าคุณจะยินดีเปิดเผยตัวตนของคุณในขณะลงทะเบียนและกด “ยอมรับเงื่อนไข” ของพระองค์ คุณจึงจะมีชื่อจดไว้ในหนังสือแห่งชีวิตของพระองค์ และมีสิทธิ์ที่จะเข้าสู่แผ่นดินสวรรค์ได้.
โดย ศจ. ชาติชาย จารุวาที
บรรณาธิการบทความ Christlike
บทสนทนา
ไม่มีความคิดเห็น