1. พระเจ้าอยู่ด้วยกับคนที่เลือกทำสิ่งที่ถูกต้อง
ตามปกติ คนเราชอบเลือกสิ่งที่ถูกใจ แต่หลายครั้ง สิ่งที่ถูกต้องอาจจะไม่ถูกใจเราหรือคนรอบข้าง แต่หากเราต้องการให้พระเจ้าอยู่กับเรา พอพระทัยเรา เจิมเรา และใช้เรา เราต้องเลือกสิ่งที่ถูกต้องแม้อาจจะไม่ถูกใจ คำว่าถูกต้องนั้นคือ ถูกต้องตามหลักการพระคัมภีร์และสอดคล้องกับน้ำพระทัยพระเจ้า
โมเสสเลือกทำสิ่งที่ถูกต้องแม้จะไม่ถูกใจคนอื่น เขานำชนชาติอิสราเอลตามการทรงนำของพระเจ้า สิ่งที่เกิดขึ้นคือพระเจ้าอยู่ด้วยกับเขาและปกป้องเขาเสมอแม้คนอิสราเอลจะบ่นต่อว่าหรือคิดทำร้ายเขา เมื่อชนชาติอิสราเอลสร้างโคทองคำเพื่อนมัสการ อาโรนพี่ชายของเขาก็เลือกที่จะทำตามใจคนอิสราเอล ในขณะที่โมเสสยังเลือกติดตามพระยาเวห์อย่างสุดใจโดยไม่ประนีประนอมหลักการ พระองค์ทรงเลือกที่จะอยู่ข้างโมเสสแม้เขาจะถูกทิ้งให้ทำสิ่งที่ถูกต้องแต่เพียงลำพัง
2. คนจะลุกขึ้นทำสิ่งใหญ่เพื่อพระเจ้าเมื่อรับการท้าทาย
ในหลายปีที่ผ่านมา ชีวิตผมถูกแวดล้อมด้วยคนมากหลายในคริสตจักรที่เป็นคนขี้อาย ขาดความมั่นใจในตนเอง ไม่เชื่อว่าเขาจะทำการใหญ่เพื่อพระเจ้าได้ ผมตัดสินใจท้าทายทุกคนทั้งคนที่คิดว่าตนเองไม่มีความสามารถ ทั้งผู้ที่มาเชื่อพระเจ้าได้ไม่นานให้มีส่วนในการรับใช้พระเจ้า ผลที่เกิดขึ้นคือคนเหล่านี้ตัดสินใจลุกขึ้นทำสิ่งที่ตัวเองไม่เคยทำมาก่อน และหลายคนก็ทำได้ดีมาก จนวันนี้ พวกเขากลายเป็นคนที่รับใช้พระเจ้าด้วยใจร้อนรนในบทบาทผู้นำ
ผมได้เรียนรู้ว่า ตัวชี้วัดอย่างหนึ่งของความเติบโตเป็นผู้ใหญ่ของเราคือการที่ได้เหยียดชีวิตออกรับใช้ในบทบาทที่ไม่เคยทำมาก่อน บางคนไม่เคยเทศนาก็ได้เทศนา บางคนไม่เคยพูดในที่สาธารณะก็ได้พูดในที่สาธารณะ บางคนไม่เคยเป็นพี่เลี้ยงผู้เชื่อใหม่ก็ได้เป็นพี่เลี้ยง หลายคนที่ไม่เคยทำสิ่งเหล่านี้มาก่อน วันนี้ไม่เพียงแต่ได้ทำ แต่ยังได้ท้าทายคนอื่นให้ลุกขึ้นทำสิ่งใหม่ๆ ด้วย
ผมเชื่อว่า เราแต่ละคนมีศักยภาพที่ซ่อนอยู่ภายในซึ่งรอคอยการปลดปล่อย และสำหรับหลายคน ศักยภาพที่พวกเขามีจะไม่เคยถูกใช้เลยหากไม่มีใครท้าทายพวกเขา
3. การให้โอกาสคนได้มีส่วนร่วมสำคัญกว่าความสมบูรณ์แบบ
โดยธรรมชาติ ผมเป็นคนที่เสพติดความสมบูรณ์แบบ (perfectionist) ในอดีต ผมจะให้คนมีส่วนร่วมในงานรับใช้ก็ต่อเมื่อเขาทำได้ดีเพราะผมต้องการให้งานออกมาดีและคิดว่านั่นเป็นที่ถวายเกียรติพระเจ้า แต่ผมเรียนรู้ว่า สิ่งที่สำคัญมากกว่าความสมบูรณ์แบบของผลงานคือการมีส่วนร่วมในงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในงานที่ไม่ได้ต้องการความเป็นมืออาชีพ จริงอยู่ งานบางอย่างต้องการความเป็นมืออาชีพเพราะเป็นงานที่สำคัญ ละเอียดอ่อน และพลาดไม่ได้เลย เช่น งานบัญชี งานกฎหมาย เป็นต้น แต่งานรับใช้จำนวนมากไม่ได้เป็นเช่นนั้น
หลายคนไม่รับใช้ไม่ใช่เพราะไม่มีความสามารถ แต่ไม่มีภาระใจ เมื่อคนมีส่วนร่วม สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือภาระใจ เพราะการรับใช้เปิดโอกาสให้เขาได้เห็นความสำคัญและความจำเป็นในงานนั้นๆ อีกทั้งเมื่อเราไม่ตั้งมาตรฐานที่สูงเกินไป คนก็จะไม่กลัวที่จะลองทำดู และเมื่อทำไปเรื่อยๆ ก็จะเรียนรู้ แก้ไข และพัฒนาตนเอง เมื่อนั้น ความชำนาญก็จะเกิดขึ้น ในท้ายที่สุด เราก็จะได้ทั้งคนและผลงานที่ดี
4. คำตักเตือนอย่างเหมาะสมเป็นหนึ่งในภาษารัก
การตักเตือนนำมาซึ่งพระพรเพราะทำให้เราเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น หากเราตอบสนองอย่างถูกต้อง กระนั้นก็ตาม คนมักจะคิดว่าคนอื่นจะรู้สึกไม่ดีหากถูกตักเตือน จึงไม่กล้าเตือนคน คำเตือนยังถูกจัดเข้าพวกกับการลงโทษ จริงอยู่ หากเลือกได้ คงไม่มีใครอยากถูกตักเตือน แต่ในความเป็นจริงแล้ว หากเราเตือนคนอย่างเหมาะสม โดยบอกเขาว่า เหตุใดเราจึงตักเตือนเขา และจะมีผลดีอะไรเกิดขึ้นหากเขาเปลี่ยนแปลงจะทำให้คนรู้สึกได้ว่าเรารักและปรารถนาดีต่อเขา
การตักเตือนไม่ใช่การตำหนิ ไม่ใช่การต่อว่า การตักเตือนคือการชี้ให้คนเห็นว่า เขามีจุดอ่อนอะไร ควรจะแก้ไขปรับปรุงอะไร ความจริงคือ เราทุกคนมีจุดบอดที่มองไม่เห็นด้วยตัวเอง การที่มีคนอื่นช่วยบอกเราจะเป็นประโยชน์ต่อเราไม่ใช่ต่อเขา หากคิดให้ดี เราจะประจักษ์แจ้งว่าคนจะเตือนเราก็ต่อเมื่อเขารักและหวังดีต่อเราจริงๆ เพราะต้องเสี่ยงต่อการที่เราจะโต้ตอบกลับอย่างไม่เหมาะสม หรือเสี่ยงต่อการที่จะไม่เป็นที่นิยม
ในปีที่ผ่านมา มีหลายคนที่ได้ขอบคุณผมอย่างจริงใจที่ผมกล้าตักเตือนพวกเขา ทำให้พวกเขาได้รับการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น ตอนนี้ พวกเขาเองก็กล้าที่จะเตือนคนอื่นด้วยใจรักเช่นกัน
5. ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่จีรังยั่งยืน
สถานการณ์โควิดทำให้เราได้เห็นว่า สิ่งที่ดูเหมือนให้ความมั่นคงกับชีวิตไม่ว่าจะเป็นธุรกิจที่กำลังไปได้ดี การงานที่มั่งคง สุขภาพที่ดูเหมือนแข็งแรงสามารถล้มครืนได้ในเวลาอันสั้น เราไม่สามารถฝากความหวังใจไว้กับอะไรในโลกนี้ได้เลย มีแต่พระเจ้าผู้เดียวเท่านั้นที่เป็นเช่นเดิมวานนี้ วันนี้ และสืบๆ ไปเป็นนิตย์ ไม่มีผู้ใด และสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่สามารถทำให้พระองค์สั่นคลอนได้ นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงรักเราอย่างไม่มีเงื่อนไข เราจึงสามารถฝากชีวิตและอนาคตของเราไว้กับพระองค์ได้
บทเรียนอีกบทหนึ่งที่หลายคนได้เรียนรู้ในวิกฤตการณ์ครั้งนี้คือการเป็นผู้อารักขาและความมัธยัสถ์จะช่วยประคองชีวิตเราไว้ได้นาน หลายคนที่เคยร่ำรวยและใช้เงินอย่างสุรุ่ยสุร่ายเพราะคิดว่าจะสามารถหาเงินได้เรื่อยๆ ได้ตระหนักว่าตนคิดผิด ตรงกันข้าม คนที่ไม่ได้ร่ำรวยแต่รู้จักอดออมกลับสามารถฟันฝ่าวิกฤตทางการเงินนี้ไปได้
6. ความยากลำบากสร้างชีวิตเราให้ดีขึ้นได้
โควิดทำให้หลายคนถามคำถามว่า ทำไมเราต้องเจออะไรที่ยากลำบากขนาดนี้ หลายคนท้อแท้ สิ้นหวัง แต่หากเรามองออกไปให้ไกลกว่านี้ เราจะเห็นอีกหลายคนที่ยากลำบากกว่าเรา แต่เขาก็ยังกัดฟัน สู้ทน และดำเนินชีวิตต่อไปได้ นี่จะช่วยทำให้เราไม่ท้อถอยใจจนเกินไปและคิดได้ว่า เรายังมีโอกาสที่ดีกว่าอีกหลายคน
ผมเรียนรู้ว่า พระเจ้ารักเรามากและต้องการเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราให้ดีขึ้น พระองค์ไม่ได้ทรงเพียงต้องการช่วยกู้เราให้รอด แต่ยังทรงต้องการที่จะทำให้เราเป็นเหมือนพระองค์มากขึ้น และหนึ่งในเครื่องมือที่พระเจ้าใช้คือแรงกดดัน คนที่ยกน้ำหนักในยิมจะเข้าใจความจริงนี้เป็นอย่างดี หากเราต้องการจะสร้างกล้ามเนื้อ เราจะต้องท้าทายกล้ามเนื้อส่วนนั้นด้วยการยกน้ำหนักที่มากเพียงพอ มันไม่สบายเลย แต่ผลที่เกิดขึ้นคือ กล้ามเนื้อส่วนนั้นจะเติบโตเพื่อจะยกน้ำหนักที่มากขึ้นได้
บางครั้ง พระเจ้าไม่ทรงยกปัญหาและแรงกดดันออกไปจากชีวิตเราทันทีแม้เราจะอธิษฐานมากสักเพียงใด แต่พระองค์ทรงอนุญาตให้มันอยู่กับเราชั่วครู่เพื่อสร้างชีวิตของเราให้แข็งแกร่งขึ้น เพื่อเราจะเป็นเหมือนพระองค์มากขึ้น เราจึงควรขอบคุณพระเจ้าในทุกกรณี
7. ความสร้างสรรค์ทำให้เราสามารถทำสิ่งที่ไม่เคยคิดว่าจะทำได้มาก่อน
ภายใต้วิกฤติ คนจำนวนมากดิ้นรนเพื่อหาทางอยู่รอดด้วยการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ เช่น การพัฒนาสินค้าใหม่ การปรับเปลี่ยนกลยุทธการขาย การปรับเปลี่ยนบทบาทและหน้าที่ วิธีการทำงานก็เปลี่ยนไป เช่น การประชุมงานกันทางออนไลน์ รวมไปถึงการทำรอบนมัสการออนไลน์ในคริสตจักร
หากพูดถึงการบรรยายออนไลน์คงไม่ใช่สิ่งใหม่ แต่การทำพิธีมหาสนิทออนไลน์เป็นสิ่งใหม่ที่ผมไม่เคยคิดว่าจะทำได้จนกระทั่งเกิดวิกฤติโควิด 19 ในช่วงนั้น ผมจะประกาศล่วงหน้าเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ให้สมาชิกเตรียมขนมปังและน้ำองุ่นไว้ที่บ้านสำหรับพิธีมหาสนิทออนไลน์ที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์ถัดไป
ในช่วงนั้นเอง ญาติสนิทมิตรสหายที่อยู่ห่างไกลที่ไม่เคยมีโอกาสร่วมสามัคคีธรรมกับคริสเตียนก็สามารถเข้าร่วมทางออนไลน์ได้ เมื่อมีการจัดงานประกาศออนไลน์สมาชิกก็เชิญสายสัมพันธ์ที่อยู่ตามที่ต่างๆ ทั่วทั้งโลกเข้ามารับชม สำหรับคริสตจักรของผมในเวลานั้น ปกติมีคนเข้าร่วมนมัสการในวันอาทิตย์ไม่เกิน 100 คน แต่พอจัดรอบออนไลน์กลับมีคนเข้าร่วมสดไม่ต่ำกว่า 400 คนในวันอาทิตย์ และมีคนเข้าร่วมไม่ว่าจะชมสดหรือชมภายหลังรวมทั้งหมดในแต่ละสัปดาห์มากกว่าหนึ่งพันคน สิ่งนี้เป็นไปไม่ได้เลยหากไม่ใช่การจัดนมัสการในรูปแบบออนไลน์
อย่างไรก็ตาม การกล่าวเช่นนี้ก็ไม่ได้หมายความว่า การประชุมออนไลน์จะสามารถแทนที่การพบปะกันจริงๆ ได้ทั้งหมด การประชุมออนไลน์เหมาะกับการสื่อสารถ่ายทอดข้อมูล แต่สิ่งที่การประชุมออนไลน์ให้ไม่ได้คือการปฏิสัมพันธ์และคุณค่าทางใจ
#ChristLike #BecomingLikeChrist
บทสนทนา
ไม่มีความคิดเห็น