ในแต่ละวันร่างกายของเราจะได้รับพลังงานจากอาหารที่รับประทานเข้าไป การที่เราอดอาหารเป็นเวลานานจะทำให้ไม่มีพลังงานเข้าไปในร่างกาย อาจส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินอาหาร
ช่วงแรกที่เริ่มขาดพลังงานจากสารอาหาร ร่างกายจะทดแทนด้วยการไปใช้พลังงานจากส่วนอื่นแทน เป็นตัวเผาผลาญทำให้ร่างกายเรามีพลังงานกล้ามเนื้อขยับได้ สมองคิดได้ หัวใจสูบฉีด
หลังจากร่างกายมีการดึงมาใช้เรื่อยๆ จนหมด ร่างกายจะมีการสลายตัวไขมัน หรือการดึงไขมันในร่างกายของเราออกมาใช้ ถ้ากระบวนขาดสารอาหารอย่างต่อเนื่องจนร่างกายดึงทุกส่วนมาใช้หมดแล้ว จึงจะเริ่มดึงเอากล้ามเนื้อ โปรตีน มาใช้ทดแทน
การที่อดอาหารนานจนเกินไป ไม่ใช่แค่เรื่องการขาดสารอาหารอย่างเดียว แต่จะเชื่อมโยงกับเรื่องจิตใจของเราด้วย เนื่องจากฮอร์โมนต่างๆ ในร่างกายเปลี่ยนแปลง ทำให้เกิดความซึมเศร้า ความหิว หรือความอยากรับประทานของคนเรานั้นก็จะลดลง
ฝ่ายพระองค์ตรัสตอบว่า “มีพระคัมภีร์เขียนไว้ว่า มนุษย์จะบำรุงชีวิตด้วยอาหารสิ่งเดียวหามิได้ แต่บำรุงด้วยพระวจนะทุกคำ ซึ่งออกมาจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า ” มัทธิว 4:4
เฉกเช่นเดียวกับสภาพจิตวิญญาณของคริสเตียน ถ้าหากว่าอยู่ในสภาวะที่ไม่ได้รับสารอาหารเพียงพออย่างต่อเนื่องยาวนาน ก็จะส่งผลให้เกิดภาวะ “ขาดสารอาหาร” ได้เช่นกัน อาการข้างเคียงต่างๆ ที่เกิดขึ้นเหล่านี้ เป็นเพียง 3 อาการเริ่มต้นเท่านั้น ซึ่งยังสามารถแก้ไข รักษาทันเวลา
1. การงานของเนื้อหนังจะค่อยๆ ผุดออกมาจากชีวิต
การงานของเนื้อหนังนั้นเห็นได้ชัด คือการล่วงประเวณี การโสโครก การลามก การนับถือรูปเคารพ การถือวิทยาคม การเป็นศัตรูกัน การวิวาทกัน การริษยากัน การโกรธกัน การใฝ่สูง การทุ่มเถียงกัน การแตกก๊กกัน การอิจฉากัน การเมาเหล้า การเล่นเป็นพาลเกเร และการอื่นๆ ในทำนองนี้อีกเหมือนที่ข้าพเจ้าได้เตือนท่านมาก่อน บัดนี้ข้าพเจ้าขอเตือนท่านเหมือนกับที่เคยเตือนมาแล้วว่า คนที่ประพฤติเช่นนั้นจะไม่มีส่วนในแผ่นดินของพระเจ้า (กาลาเทีย 5:19-21)
ถ้าเราอยากดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเติมชีวิตของเราด้วยอาหารฝ่ายวิญญาณที่มีคุณภาพ เพื่อเราจะได้มีเรี่ยวแรงในการต่อสู้กับเนื้อหนัง มีพลังในการปฏิเสธสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
การขาดสารอาหารฝ่ายวิญญาณแล้วไปต่อสู้กับเนื้อหนัง ก็ไม่ต่างอะไรกับนักมวยที่ขึ้นชกบนเวทีด้วยร่างกายที่ผ่ายผอม หมดเรี่ยวแรง กับนักชกมืออาชีพที่มีร่างกายกำยำ ฟิตซ้อมร่างกายตลอดเวลา ผลท้ายที่สุดคือ “พ่ายแพ้”
2. กล้ามเนื้อฝ่ายวิญญาณอ่อนแรง เหนื่อยง่าย หน่ายเร็ว
อาการขาดสารอาหารฝ่ายวิญญาณไม่ได้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่เกิดขึ้นเป็นกระบวนการค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปอย่างช้าๆ ค่อยเป็นค่อยไป สะสมทีละนิด จนเริ่มมีมุมมองที่แตกต่างจากพระคัมภีร์มากขึ้นเรื่อยๆ
ทัศนคติในการใช้ชีวิตค่อยๆ เปลี่ยนไป เดินอย่างไม่คงเส้นคงวาในหลักการ ทำกิจกรรมฝ่ายวิญญาณแล้วรู้สึกอึดอัด เหนื่อย เช่น การอธิษฐาน การนมัสการ การอ่านพระคัมภีร์ คล้ายๆ คนเบื่ออาหาร อาการเช่นนี้ต้องรีบไปหาแพทย์ผู้ประเสริฐโดยด่วนที่สุด เพื่อให้พระองค์ทางประทานเรี่ยวแรงให้ทันที
พระองค์ประทานกำลังแก่คนอ่อนเปลี้ย และแก่ผู้ที่ไม่มีกำลัง พระองค์ทรงเพิ่มแรง แม้คนหนุ่มๆจะอ่อนเปลี้ยและเหน็ดเหนื่อย และชายฉกรรจ์จะล้มลงทีเดียว แต่เขาทั้งหลายผู้รอคอยพระเจ้าจะเสริมเรี่ยวแรงใหม่ เขาจะบินขึ้นด้วยปีกเหมือนนกอินทรี เขาจะวิ่งและไม่เหน็ดเหนื่อยเขาจะเดินและไม่อ่อนเปลี้ย (อิสยาห์ 40:29-31)
3. สามัคคีธรรมกับพระเจ้า และพี่น้องแบบผิวเผิน
อาการแบบนี้สังเกตุได้ไม่ยาก เริ่มจากการมาคริสตจักรเป็นพิธีกรรม อธิษฐานนานๆ แล้วรู้สึกอึดอัดเสียเวลา มองทุกอย่างเป็นผลประโยชน์ส่วนตัว ถวายทรัพย์แบบอวดอ้างความมั่งคั่ง หวาดกลัวการตอบสนองที่ขัดใจแต่ถูกต้องตามพระคัมภีร์ จับผิดพี่น้อง และคริสตจักร
สิ่งเหล่านี้เป็นอาการที่น่าเป็นห่วงต้องได้รับการรักษาและเติมเต็มด้วยอาหารฝ่ายวิญญาณที่กลมกล่อม
วิบัติแก่เจ้า พวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสี คนหน้าซื่อใจคด เพราะว่าเจ้าเป็นเหมือนอุโมงค์ฝังศพซึ่งฉาบด้วยปูนขาว ข้างนอกดูงดงาม แต่ข้างในเต็มไปด้วยกระดูกคนตาย และสารพัดโสโครก (มัทธิว 23:27)
เหตุไฉนท่านจึงจะพูดกับพี่น้องของท่านว่า พี่น้องเอ๋ย ให้เราเขี่ยผงออกจากตาของเธอ’ แต่ที่จริงท่านเองยังไม่เห็นไม้ทั้งท่อนที่อยู่ในตาของท่าน ท่านคนหน้าซื่อใจคด จงชักไม้ทั้งท่อนออกจากตาของท่านก่อน แล้วท่านจะเห็นได้ถนัด จึงจะเขี่ยผงออกจากตาพี่น้องของท่านได้ (ลูกา 6:42)
ทางแก้ไขง่ายๆ ที่เริ่มต้นทำได้ก่อนสิ่งใดเลยคือการ เฝ้าเดี่ยว เติมอาหารฝ่ายวิญญาณประจำวันที่แสนอร่อย ค่อยๆ ลิ้มรสชาติของพระวจนะอย่างใคร่ครวญช้าๆ ไม่รีบร้อน
ผู้เขียนสดุดีกล่าวถึงเรื่องนี้ไว้ว่า “พระดำรัสของพระองค์นั้น ข้าพระองค์ชิมแล้วหวานจริง ๆ หวานกว่าน้ำผึ้งเมื่อถึงปากข้าพระองค์” (สดุดี 119:103)
เราจะได้รับประโยชน์อะไรจากการดื่มด่ำกับอาหารจากพระคัมภีร์ที่ให้พลังงานสูง ก็คืออาหารประจำวันจากพระวจนะของพระเจ้า จะช่วยขัดขวางไม่ให้ความกังวล ความหยิ่งผยองความกลัว การทดลอง มารบกวนจิตใจที่ขาดสารอาหารของเรา และเพิ่มพลังให้เราฟันฝ่าไปบนเส้นทางแห่งชัยชนะ
พระวจนะยังให้สติปัญญาและความเข้าใจ (สดุดี 119:98-100) และช่วยรั้งเท้าของเราจากสิ่งชั่วร้าย (สดุดี 119:101) เช่นเดียวกับที่ระบบย่อยอาหารของเรานำสารอาหารไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย พระวจนะของพระเจ้า เมื่อใคร่ครวญแล้ว ก็ไปบำรุงเลี้ยงจิตใจ อารมณ์ และความคิดของเรา
แทนที่จะอ่านพระวจนะอย่างรีบร้อนในเวลาจำกัด เราควรจัดช่วงเวลาและสถานที่ที่เราสามารถอ่านพระวจนะและมีสามัคคีธรรมกับพระเจ้าได้ จงใช้เวลาและเอร็ดอร่อยกับพระวจนะอันอุดมสมบูรณ์ของพระเจ้า
บทความ: พร้อมมิตร
ออกแบบ: พร้อมมิตร
รูปภาพ: บริษัท เบอร์แทรม (1958) จํากัด
สนับสนุนโดย: Mint Cafe by Pappermint Field
บทสนทนา
ไม่มีความคิดเห็น