บทความ

เป็นโสดแล้วงัย!

ทุกคนเคยเป็นโสด จริงมะ?

ก่อนที่จะมีชีวิตคู่ทุกคนต้องผ่านชีวิตคนโสดมาก่อน บางคนอาจจะใช้ชีวิตโสดเป็นระยะเวลานาน บางคนอาจจะใช้ชีวิตโสดเป็นระยะเวลาที่สั้น คนที่เป็นโสดกำลังรอคอยและกำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะใช้ชีวิตโสดยาวนานแค่ไหน ตลอดไปหรือเปล่า หรืออยากใช้ชีวิตคู่ และใครคือคนที่เราจะตัดสินใจใช้ชีวิตคู่ด้วย

แต่งงานหรือเป็นโสดดีนะ?

จะอะไรก็ดีเหมือนกันแต่ดีคนละแบบ ข้อดีของการแต่งงานคือข้อเสียของการเป็นโสด และข้อเสียของการแต่งงานคือข้อดีของการอยู่เป็นโสด อันนี้พี่คงกล้ายืนยันได้เต็มปากเพราะพี่แต่งงานแล้ว แม้จะพึ่งแต่งงานได้เพียง 1 ปีก็ตาม แต่ความรู้ที่เป็นทฤษฏีก็เริ่มประจักษ์แจ้งเป็นจริงในชีวิตมากขึ้น

เกือบทุกคนอยากแต่งงาน ถ้าคุณกำลังฝันว่าชีวิตแต่งงานจะ Happy Ending ในทุกเรื่องเหมือนในหนังแล้วล่ะก็ มาดูข้อดีของชีวิตโสดและแต่งงานกันเถอะ

ข้อดีของการแต่งงาน

  • มีคู่คิดได้รับความรัก ความไว้ใจแบ่งปันกัน
  • ถ้ามีลูกมีหลานก็ได้แบ่งปันความชื่นชมยินดี ช่วยกันสอนลูกหลาน ตอนแก่มีลูกหลานอยู่คอยดูแล
  • มีคนช่วยเหลือ แบ่งงานกันได้ถ้าคุยกันก่อน
  • มีคนดูแลรู้สึกปลอดภัย ถ้าเจ็บป่วยหรือเจอความทุกข์ก็มีคนช่วย เช่น สนับสนุนการเงิน
  • ร่วมใจกันแต่มีเงื่อนไขคือ รักพระเจ้าเหมือนกัน

ข้อดีของการเป็นโสด

  • มีชีวิตที่เรียบง่าย ไม่ถูกรบกวน
  • มีเวลาไปเที่ยว เรียนต่อ ฝึกความสามารถบางอย่างได้ ต้อนรับพี่น้องได้ง่าย
  • มีอิสระชอบตัดสินใจตามความต้องการของตัวเอง ใช้เวลายังไงก็ได้
  • มีโอกาสขยายขอบเขตที่มีเพื่อนได้ เปลี่ยนงานได้ง่าย ปากเดียวท้องเดียว
  • ตั้งใจได้ ไม่ต้องคิดอย่างอื่น ดีต่อการรับใช้ที่ตั้งใจไปทำ

ข้อดีของการอยู่โสดคือข้อเสียของการแต่งงาน และข้อดีของการแต่งงานคือข้อเสียของการอยู่เป็นโสด เมื่อเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งเราก็ต้องคอยรับมือกับผลที่จะตามมา

เช่น ถ้าเรารักอิสระไม่แต่งงาน เราสามารถเรียนเพิ่มเติมในสิ่งที่อยากเรียน แต่เราจะไม่มีลูกหลานของตัวเองที่จะอยู่ห้อมล้อมเรา สิ่งที่เราทำได้ก็คือ หาเพื่อนกลุ่มที่มีความสนใจเหมือนกัน หรือสนิทกับญาติก็จะมีคนห้อมล้อมเราเอง

ถ้าแต่งงานมีลูกเราก็รู้สึกอบอุ่น แต่ก็ต้องทำใจว่าเราต้องใช้เวลาดูแลลูกและไม่มีโอกาสที่จะใช้เวลาส่วนตัวหรือทำอะไรได้มากนัก ทรัพยากรและพลังงานของเราก็จะหมดไปกับลูก

ก็อยากจะบอกว่าเรื่องแบบนี้นะมันก็สุขคนละแบบ “คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า”

มองเรื่องความเป็นโสดด้วยสายตาของสังคมไทย

ชีวิตที่สมบูรณ์ประกอบด้วยการมีฐานะการงานที่มั่นคงและครอบครัวที่อบอุ่น การมีลูกหลานห้อมล้อมตอนแก่เป็นสิ่งที่เกือบทุกคนปรารถนา และการแต่งงานน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าชีวิตโสดในสายตาคนไทย คนโสดน่าจะดูโดดเดี่ยว อ้างว้าง “ขึ้นคาน”เป็นคำที่ใช้เรียกผู้หญิงที่มีอายุเกินวัยรุ่นที่คิดว่าจะหาสามีไม่ได้ การเป็นโสดโดยเฉพาะผู้หญิงเป็นภาพที่ค่อนข้างเป็นแง่ลบมากกว่าแง่บวก

วัฒนธรรมไทยเป็นแบบใกล้ชิด พ่อแม่ลุงป้าน้าอาจมีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิดเป็นห่วงเป็นใยซึ่งกันและกัน คำถามทั่วไปที่มักจะถามและแสดงความห่วงใยคือ การศึกษา และ ครอบครัวของลูกหลาน เช่น เรียนจบแล้วเหรอ? มีแฟนหรือยัง? เมื่อไหร่จะแต่งงาน? ถ้าเรียนจบแล้ว (มหาวิทยาลัย) แต่ยังไม่มีแฟน ญาติก็จะห่วงว่ายังไม่เป็นฝั่งเป็นฝาซะที ไม่ว่าชายหรือหญิงถ้าอายุมากขึ้นๆ คำถามก็จะถี่ขึ้นๆ จนอาจจะกลายเป็นความเครียดและรู้สึกว่าตัวเองผิดปกติที่ไม่มีคู่

เป้าหมายสูงสุดในชีวิตของเรา

พระเจ้าทรงเป็นที่หนึ่งในชีวิตของเรา พระองค์ได้ทรงสร้างเรา และเมื่อเราตกลงไปในความบาปพระองค์ได้ช่วยกู้ชีวิตของเราอีก เมื่อพระองค์ทรงเป็นที่หนึ่งในชีวิตของเราแล้ว เป้าหมายสูงสุดของเราก็คือ การทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้า การยืนอยู่ต่อพระพักตร์พระเจ้าด้วยความมั่นใจว่าเราทำตามน้ำพระทัยพระองค์จึงเป็นเป้าหมายในชีวิตของเรา เพราะเราเป็นผู้ที่พระองค์ทรงสร้างอย่างมีจุดประสงค์

ชีวิตที่สมบูรณ์คือชีวิตที่มีพระเจ้า และสิ่งนี้เกิดขึ้นได้โดยการยอมรับว่าเราเป็นคนบาปและต้องการความช่วยเหลือจากพระเจ้า และเชื่อวางใจในองค์พระเยซูคริสต์ว่าทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า และพระโลหิตของพระองค์สามารถชำระล้างความผิดบาปของเราได้

ชีวิตที่สมบูรณ์ของเราเริ่มตั้งแต่เราได้ต้อนรับพระเยซูคริสต์เข้ามาในชีวิต พระองค์ได้กระทำความรอดให้สำเร็จ และได้ประทานชีวิตใหม่ให้กับเรา ชีวิตใหม่ที่ไม่ตกเป็นทาสของบาปแต่เป็นคนชอบธรรมในสายพระเนตรของพระเจ้า สิ่งที่ไม่สมบูรณ์ก็สามารถแก้ไขได้ พระเจ้าสามารถประทานความอิ่มใจให้ได้ ในพระเยซูคริสต์เราเป็นคนที่ถูกสร้างใหม่ พระเยซูทำให้พระเจ้ายอมรับเรา ตอนนี้ชีวิตของเราสมบูรณ์แล้ว  เพราะฉะนั้นไม่ว่าเราจะเป็นโสดหรือแต่งงานเราก็สามารถมีชีวิตที่สมบูรณ์ได้

ทุกทางที่เราเองตัดสินใจเลือกควรจะถวายเกียรติพระเจ้า ถ้าเราจะแต่งงานหรือเป็นโสดก็ควรให้อยู่ในน้ำพระทัยของพระเจ้า ต้องคิดดูว่าสำหรับเราการแต่งงานหรืออยู่โสดจะรับใช้พระเจ้าได้มากกว่า แบบไหนจะขยายอาณาจักรของพระองค์ได้มากกว่า

ถ้าเราเลือกการแต่งงาน (ข้อ 1) การแต่งงานที่ถวายเกียรติก็ควรจะเลือกคือกับคนที่มีความเชื่อเดียวกัน เพราะจะสนับสนุนการรับใช้ที่เราทำอยู่ และยังหนุนใจกันในทางของพระเจ้า แต่ในความเป็นจริงไม่ได้มีคริสเตียนจำนวนเพียงพอสำหรับเรา หรือคนที่เราเห็นว่าเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณก็มีเจ้าของซะหมดแล้ว

การมีคนที่มีความเชื่อต่างกันเข้ามาในชีวิตจึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ การแอบเอาเขามาตัดสินใจพิจารณาจึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่เกิดขึ้น พี่คงไม่พูดรายละเอียดว่าควรจะพิจารณาเขาไหม จะนำเขามาเชื่อไหม เอาเป็นว่ากลับไปดูที่เป้าหมายในการดำเนินชีวิตของเรา นั่นก็คือการทำตามสิ่งที่พระเจ้าปรารถนา ไม่ใช่ใจเรา เมื่อเราเลือกที่จะทำตามน้ำพระทัยพระเจ้าเราจึงเลือกข้อ 2 คือเป็นโสดแทนที่จะแต่งงานกับคนที่มีความเชื่อต่างกัน

ถ้าเราเลือกการอยู่โสด (ข้อ 2) เป็นอันดับแรกแทนการแต่งงานทั้งๆ ที่เรามีโอกาสแต่ง อาจจะเป็นเรื่องแปลก (สำหรับคนทั่วไป) แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผิด เพราะถ้าพิจารณาข้อดีของการอยู่โสดก็มีอยู่มากหลายข้อทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นอิสระเสรีภาพหรือความคล่องตัว ก็เรารู้แล้วว่าเป็นโสดก็เป็นที่ยอมรับในสายพระเนตรของพระเจ้า เราจะมาตั้งหน้าตั้งตาคอยการแต่งงานไปทำไม ถ้าเรารักอิสระหรือใจจริงเราชอบชีวิตอิสระ และมั่นใจว่าเรารับใช้พระเจ้าได้อย่างเต็มที่ เพราะว่าสำหรับบางคนแต่งงานแล้วชีวิตก็ยุ่งเหยิง แบ่งเวลาไม่ได้ แทนที่จะเป็นพระพรกลับเป็นพระเพลิงมากกว่า

 

บทความ:  ปดิพัทธ์ สันติภาดา
ออกแบบภาพ:  Nan Tharinee

ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง