นักมานุษยวิทยาท่านหนึ่งได้ทำการศึกษาวัฒนธรรม รวมถึงขนบธรรมเนียมของชนเผ่าพื้นเมืองแห่งหนึ่งในทวีปแอฟริกา และในขณะที่เขากำลังถูกรายล้อมไปด้วยเด็กๆ และคนในเผ่า
เขาจึงชักชวนให้เด็กเหล่านั้นร่วมเล่นเกมส์เกมหนึ่ง เป็นเกมส์ที่เอาผลไม้วางไว้อยู่เต็มตระกร้าใบหนึ่ง ตระกร้าใบนี้ถูกวางใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ห่างจากเด็กๆ ราว 50 เมตร โดยมีกติกาว่า ถ้าเด็กคนไหนวิ่งไปถึงตระกร้าได้เร็วสุดเป็นคนแรก ก็จะได้ผลไม้ทั้งตระกร้านั้นเป็นรางวัล
เด็กทุกคนสบตากันและกัน และตอบรับคำท้าอย่างรวดเร็ว
เด็กทั้งหมดลุกขึ้น และคล้องแขนซึ่งกันและกัน เป็นหน้ากระดานเรียงหนึ่ง วิ่งไปพร้อมๆ กัน ถึงตระกร้าผลไม้พร้อมๆ กัน ทุกคนจึงกลายเป็นเจ้าของผลไม้ในตระกร้านี้ร่วมกัน ต่างก็เอามาแบ่งปันกัน ไม่มีใครได้มากกว่า หรือน้อยกว่า ว่าแล้วก็ฉลองด้วยการกินผลไม้ด้วยความเอร็ดอร่อย
และเมื่อถามเหตุผล…
เด็กๆ ตอบพร้อมกันว่า “อูบันตู”
ความหมายคือ ‘ฉันจะสุขได้อย่างไร… ถ้าคนอื่นเศร้า”
“อูบันตู” [UBUNTU] เป็นคำโบราณของทวีปแอฟริกา สามารถแปลตรงตัวได้ว่า “ความเป็นมนุษย์ในคน” , “ความเมตตาในตัวคน” ให้ความหมายไปในทาง “ฉันอยู่ได้…เพราะพวกเราอยู่ได้…” [“I AM BECAUSE WE ARE”]
อธิบายกันยาวขึ้นคือ ถ้าได้กินคนเดียวมีความสุขคนเดียว ขณะคนอื่นท้องร้อง หิว หน้าเศร้า ก็ไม่ดีนะสิ
สิ่งที่น่าคิดจากเรื่องนี้มีหลายอย่าง อาทิ
– เด็กไม่ได้วิ่งคนเดียว แล้วค่อยเอามาแบ่งเพื่อนๆ
– ไม่มีใครกินแรงใคร ทุกคนทำอย่างเต็มที่ และรับผลรางวัลนั้นด้วยกัน
– เด็กไม่ได้ต่างคนต่างวิ่ง แต่คล้องแขนกัน แน่นอนว่ายุ่งยากขึ้น ลำบากขึ้น อาจจะไปช้าขึ้น แต่ก็เพราะเราคือทีมเดียวกัน คือเพื่อนกัน
ความน่าสนใจคือ เราเห็นการให้ความสำคัญกับกระบวนการได้มา มากกว่าผลลัพธ์ แม้ช้าไปบ้างแต่ก็ได้ผลลัพธ์ที่ดี
คนส่วนใหญ่ในวัยเด็กจะถูกอบรม ถูกแนะนำสั่งสอนโดยพ่อแม่หรือญาติผู้ใหญ่ ให้เป็นเด็กที่แบ่งปัน แบ่งกันกิน แบ่งกันเล่น เมื่อเราแบ่งกันเล่น เสียงปรบมือเกรียวกราวก็จะเกิดขึ้น ถ้าเราได้รับการสร้างแบบนี้ตั้งแต่เด็กเล็ก แล้วเกิดอะไรขึ้นตอนโตขึ้นมา???
หลายคนเติบโตมาด้วยการเผชิญกับความไม่ยุติธรรมหลายอย่าง การเอารัดเอาเปรียบ การดูถูก การแบ่งชนชั้น การแข่งขันอย่างดุเดือด สิ่งต่างๆ ที่เจอมานั้นกลายเป็นตัวขับเคลื่อนการใช้ชีวิตที่เห็นแก่ตัวในปัจจุบัน
– เราจึงไม่แปลกใจที่จะเห็นคนแย่งกรูกันขึ้นรถเมล์แทนที่จะเข้าคิว แย่งกันทำนั่นทำนี่
– เราจึงเห็นคนเอาผลประโยชน์เข้าตัวเองก่อน เพราะใครใครก็ทำกัน
– ตอดเล็กตอดน้อย เอาเปรียบให้มากสุดเท่าที่ทำได้ ตามสิ่งที่เราทุกคนคงคุ้นเคย และมีประสบการณ์ในฐานะผู้ถูกกระทำ และเป็นผู้กระทำเสียเองในหลายครั้ง
ไม่ว่าในอดีต คุณจะผ่านอะไรมาก็ตาม อย่าให้ประสบการณ์ มาทำลาย มากลบ “ความเป็นมนุษย์” “ความเมตตา” ที่มีอยู่ในตัวคุณ การที่คุณมีความสุขคนเดียว ก็ดีระดับหนึ่ง แต่ก็เทียบไม่ได้เลย ที่คุณได้อยู่ท่ามกลางคนรอบข้างที่มีความสุขไปด้วยกันกับคุณที่มีความสุข
นี่อาจทำให้เราคิดถึงการใช้ชีวิตร่วมกันในคริสตจักร หากเราตั้งใจจะดูแลคนรอบข้างเราให้ดี เมื่อทุกคนดูแลและหยิบยื่นให้กันและกัน ก็จะไม่มีใครขาดเหลือ แต่หากทุกคนมัวแต่แย่งกันกิน หรือเอาเข้าตนเองก่อน ก็จะมีคนที่ถูกทิ้งให้อดกิน
เราอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัว เป็นสังคม ถ้าบ้านข้างๆ ขโมยขึ้น แล้วเราเอาแต่สมน้ำหน้าไม่ช่วยกันสอดส่อง วันหนึ่งภัยจะมาหาเรา โดยไม่มีใครช่วยเหลือ
คุณคงไม่ชอบนักที่อยู่ท่ามกลางสังคมคนที่ “ไม่มีความเป็นมนุษย์”
อย่าลืมรักกันและกันให้มาก เพราะ “ I AM BECAUSE WE ARE”
บทความ: OwlsNight
ภาพ: Raul Petri on Unsplash
ออกแบบ: Nan Tharinee
บทสนทนา
ไม่มีความคิดเห็น