บทความ

ชัยชนะที่แท้จริงของคริสตจักร

ในหนังไตรภาคเรื่อง “เดอะ ก็อดฟาเธอร์” กล่าวถึงการดิ้นรนต่อสู้ของมาเฟียจากเกาะซิซีลี ทางตอนใต้ของอิตาลี จนกลายเป็นตำนานมาเฟียผู้ทรงอิทธิพลในประเทศอเมริกา ชีวิตของเขาเป็นคาทอลิคที่เคร่งศาสนา และรักการบริจาค จนในบั้นปลายได้รับเหรียญเกียรติยศสูงสุดจากวาติกัน เพราะบริจาคเงินเพื่อศาสนจักรมากถึง 100 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ในด้านมืดนั้น เรื่องราวชีวิตของเขาเต็มไปด้วยการใช้อิทธิพลเถื่อนเพื่อสร้างอาณาจักรมาเฟียให้ยิ่งใหญ่ การติดสินบน การทรยศหักหลัง การฆาตกรรม ความรุนแรง และความอธรรมนานาประการ

นอกจากนี้ ภาพยนตร์ยังสะท้อนถึงความฉ้อฉล ฟอนเฟะในการแย่งชิงอำนาจและผลประโยชน์ในวงการศาสนา ทั้งการรับสินบนในวาติกันและร้ายแรงไปจนถึงการลอบสังหารสันตะปาปาจอห์น ปอลที่ 1 เพื่อปูทางให้อาร์คบิชอพในเครือข่ายของตนได้ขึ้นครองในตำแหน่งประมุขแห่งศาสนจักรแทน

ย้อนกลับไป ช่วงบั้นปลายชีวิตของเปาโล ขณะที่ท่านแวะเยี่ยมกลุ่มสาวกรุ่นแรกๆ ที่เกาะซิซีลี ซึ่งดูเหมือนท่านค่อนข้างจะมั่นใจในชัยชนะและ่ความสำเร็จของพระกิตติคุณ ซึ่งได้แผ่แพร่ออกไปสู่ผู้คนทั่วโลกเกือบ 200 ล้านคนในยุคสมัยนั้น และการได้เห็นบรรดาผู้เชื่อตั้งมั่นคงในความหวัง ตามพระวจนะที่ท่านได้ทุ่มเทสั่งสอนด้วยความอุตสาหะ จนท่านมั่นใจว่า จะสามารถมอบถวายคริสตจักรแด่พระเจ้าในสภาพที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว ปราศจากตำหนิ ริ้วรอย ประกอบด้วยปัญญาและวิจารณญาณในทุกด้านของชีวิต

เมื่อเวลาผ่านไป เกาะซิซีลีจนถึงยุโรปกลายเป็นดินแดนที่ศาสนาคริสต์รุ่งเรืองมาก แต่คุณภาพฝ่ายวิญญาณของศาสนจักรและบรรดาศาสนิกชนกลับตกต่ำ ฉ้อฉล เต็มไปด้วยมลทิน ฉาบฉวย หน้าซื่อใจคดและถือศาสนาแต่เปลือกนอกคริสตจักร จุดที่น่าสนใจก็คือ มันตกต่ำลงมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร?

การสามารถเปลี่ยนวิหารแห่งรูปเคารพต่างด้าว มาเป็นพระวิหารแห่งรูปเคารพของเหล่านักบุญ ไม่ใช่ชัยชนะ…
การซื้อที่ดินสร้างโบสถ์ใหญ่ๆ ได้บนพื้นที่ทำเลทอง และยกชูไม้กางเขนไปทั่วทุกมุมของเมือง ก็ไม่ใช่ชัยชนะ…
การขยายอำนาจและอิทธิพลของศาสนจักรเข้าสู่การปกครองและการเมือง จนทำให้ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาประจำชาติได้ หรือการได้นายกรัฐมนตรี ประธานาธิบดีหรือผู้นำประเทศชาติมาเป็นคริสเตียน ก็ไม่ใช่ชัยชนะของศาสนาคริสต์ด้วย

ชัยชนะที่แท้จริงของคริสตจักร คือการทำให้บรรดาสาวกของพระเยซูคริสต์ สามารถตั้งมั่นอยู่ในความหวังใจตามข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์ และไม่โยกย้ายหันเหไปสู่สิ่งเย้ายวนหรือล่อลวงอย่างอื่น ไม่ว่าจะเป็นความเชื่อต่างศาสนา คำสอนเพี้ยน คำสอนเทียมเท็จ พระกิตติคุณอื่น เงินทอง อำนาจทางการเมือง หรือแม้แต่อำนาจในการปกครองศาสนจักร

ซึ่งเรื่องนี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อ บรรดาผู้นำหรือผู้ปกครองดูแลคริสตจักรของพระเจ้าทุ่มเทในการสั่งสอนและประกาศพระคริสต์ เพื่อให้ “…ธรรมิกชนเหล่านั้นรู้ว่า ในหมู่คนต่างชาตินั้นอะไรเป็นความมั่งคั่งแห่งข้อล้ำลึกนี้ คือที่พระคริสต์ทรงสถิตในท่านอันเป็นที่หวังแห่งศักดิ์ศรี พระองค์นั้นแหละเราประกาศอยู่ โดยเตือนสติทุกคนและสั่งสอนทุกคนให้มีสติปัญญาทุกอย่าง เพื่อจะได้ถวายทุกคนให้เป็นผู้ใหญ่แล้วในพระคริสต์” (โคโลสี 1.27-28)

ดังนั้น ในการเป็นสาวกของพระเยซูคริสต์ เราจึงไม่ใช่แค่จดจ่อสิ่งที่เป็นเปลือกนอก แต่มุ่งเน้นให้ผู้คนตั้งมั่นอยู่ในความหวังใจตามข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์

 

บทความ:  Praphan Nawrat
เรียบเรียง:  Son
ภาพ:  Ian Stauffer on Unsplash
ออกแบบ:  rainniedesign

ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง