คุณเคยทำงานหักโหมเกินไปไหม หรือว่าคุณยังคงหักโหมเช่นนั้นอยู่ในวันนี้?
คุณรู้ใช่ไหมว่า การหักโหมอย่างนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ดี?
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อคุณโหมทำงานหนัก มาก และนานเกินไป จนคุณอ่อนล้าทั้งกาย จิต และวิญญาณ (จนบางที คุณก็อาจทำให้คนอื่นต้องเหนื่อยล้าไปกับคุณโดยไม่จำเป็นไปด้วย)
ขนาดว่าคุณหักโหมทำงานเพื่อจะได้เงินได้ทองมากขึ้น ยังไม่ใช่สิ่งดีที่พึงกระทำเลย แล้วการที่คุณทุ่มแรงกาย จิตและวิญญาณทำงานที่ไม่ได้มีความสำคัญเท่าไรนัก ทำให้อ่อนล้า หมดสภาพ และหมดไฟ จนทำสิ่งที่ดีและสำคัญอื่นๆ ต่อไปไม่ไหว จะเรียกว่าเป็นสิ่งดีได้อย่างไร?
ฉะนั้น ขอให้คุณตระหนักว่า การทำงานใดๆ อย่างหักโหมโดยไม่หยุดนั้น เป็นการกระทำที่ไม่ฉลาด หรือบางทีต้องพูดตรงๆ ว่า เป็นการกระทำที่โง่ เพราะว่า ทุกสิ่งที่เราทุ่มเทเพื่อได้มันมา หรือสะสมไว้ จะเป็นเหมือนกับนกที่บินหายลับไปในท้องฟ้า
คุณจะบริหารงาน หรือให้งานบริหารคุณ?
พระธรรมสุภาษิต เตือนสติให้เราฉลาด พอที่รู้จักบริหารงาน และบริหารเวลา หยุดพัก จากงานที่ทำ ไม่ว่างานนั้นจะสำคัญแค่ไหน อย่างน้อยก็น้อยหลับให้สนิทสักคืนหนึ่ง
เพราะหากว่าเราต้องการให้งานนั้นออกมาดี น่าชื่นชม และคงอยู่อย่างยั่งยืน เราต้องรักษาตัวเราให้แข็งแรง และอยู่ยาวจนจัดการให้งานนั้นดำเนินต่อไปได้โดยปราศจากตัวเราในวันหนึ่งข้างหน้าได้ และการได้พัก และนอนเพียงพอสามารถช่วยได้แม้แต่ในสภาพที่ดูสิ้นหวัง
“สะพานที่ดีที่สุดระหว่างความสิ้นหวังและความหวัง คือการนอนหลับสนิทสักหนึ่งคืน”
(The best bridge between despair and hope is a good night’s sleep.)
E. Joseph Cossman
ปกติพระเจ้าทรงบัญชาให้เราต้องมีวันบริสุทธิ์เพื่อหยุดพัก สัปดาห์ละ 1 วัน สำหรับคนยิวและคริสเตียนบางกลุ่ม เลือกเอาวันเสาร์เป็นวันสะบาโต เพื่อพักและนมัสการพระเจ้า ตามที่ยึดถือกันมาในพระคัมภีร์เดิม
แต่คริสเตียนทั่วไป เลือกวันอาทิตย์ เป็นเหมือนวันสะบาโตใหม่ เพราะพระเยซูคริสต์ทรงเป็นขึ้นจากความตายในวันอาทิตย์ ตามที่ยึดถือกันมาตั้งแต่คริสตจักรยุคแรกๆ ในพระคัมภีร์ใหม่
อันที่จริง การทำงาน แม้จะหักโหมบ้าง เป็นครั้งคราว นั่นเป็นเรื่องปกติ แต่หากทำงานหนักโดยไม่ผ่อนคลายเลย เป็นเรื่องไม่ปกติแน่ ดังคำกล่าวที่ว่า
“ทำงานหนักหักโหมโดยไร้เสียงดนตรี
ก็เปรียบเสมือนการเดินทางอันแสนอ่อนล้าที่ปราศจากจุดหมายปลายทาง!”
(Toil without song is like a weary journey without an end.)
H. P. Lovecraft
ขอย้ำอีกครั้งว่า อย่าให้เราทำงานหนักจนอ่อนล้า หรือ ลุ่มหลงในความอนิจจังของเงินทองทรัพย์สิน ชื่อเสียงหรือลาภยศต่างๆ จนเราสูญเสีย หลักการตามสามัญสำนึก และสติปัญญาจากพระเจ้าไป
การเอาความไม่รู้ หรือ ความหลงผิด (ไปจากทางของพระเจ้า) มาเป็นตัวผลักดันชีวิต
จะทำให้เราเกิดความหยิ่งยโส โอหัง และนำเราไปสู่ความอนิจจัง ความเสียหาย และ ความอัปยศ
“ความเย่อหยิ่งทำให้เรายกย่องตัวเอง
ความอนิจจัง ทำให้เราอยากได้การยกย่องของคนอื่น!”
(Pride makes us esteem ourselves; vanity makes us desire the esteem of others.)
Hugh Blair
แต่การเข้าหาพระเจ้าและพักสงบอยู่ในพระองค์ด้วยความยำเกรง และวางใจในพระองค์
จะทำให้เราได้สติ ปัญญา และจะนำเราไปสู่ความถ่อมใจและเกียรติ
จะทำให้เรารู้จักความสำคัญทั้งของ “การทำงาน” และ “การพักผ่อน”
ไม่ใช่ เอาแต่ทำงาน ทำงาน โดยไม่พัก
หรือเอาแต่พักโดยไม่ยอมทำงาน!
จิตใจของข้าพเจ้า (พัก) สงบคอยพระเจ้าเท่านั้น
ความรอดของข้าพเจ้ามาจากพระองค์
พระองค์เท่านั้นทรงเป็นศิลาและความรอดของข้าพเจ้า
ทรงเป็นป้อมปราการของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะไม่หวั่นไหวเลย
– สดุดี 62:1-2 –
การทำงานหนักไม่ใช่ปัญหา ปัญหาอยู่ที่ไม่ทำงานให้เต็มที่
และทำงานมากจนเกินกำลังที่จะแบกได้!
“การทำงานหนักไม่ได้ก่อเกิดความน่าละอาย
แต่การอยู่เฉยๆ(ไม่ทำอะไร)ต่างหาก ที่น่าละอาย!”
(Toil is no source of shame; idleness is shame.)
Hesiod
วันนี้ คุณได้ทำงานที่ควรทำและได้พักผ่อนอย่างที่ควรพักผ่อนแล้วหรือยัง?
อย่าหักโหมเกินไปนะพี่…เป็นห่วง!
อย่าโหมงานจนอ่อนล้าเพื่อจะเป็นคนมั่งมี จงฉลาดพอที่จะหยุดพัก
เมื่อเจ้าเหลือบตามองทรัพย์นั้น มันก็หายไปแล้วไม่ใช่หรือ?
เพราะแน่นอนทีเดียวมันจะสร้างปีกขึ้นมา
มันจะบินไปในท้องฟ้าเหมือนนกอินทรี
– สุภาษิต 23:4-5 -
บทความ: อ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์
ออกแบบภาพ: Panchanok
บทสนทนา
ไม่มีความคิดเห็น