บทความ

Worship U Christa Black : Learning How to live from Whole heart (เรียนรู้ที่จะดำเนินชีวิตจากหัวใจที่สมบูรณ์)

มีความจริงอยู่ว่าทุกคนสามารถที่จะดำเนินชีวิตจากหัวใจที่สมบูรณ์ได้ เพราะเมื่อหัวใจของเราได้รับการดูแลอย่างดีการกระทำของเราก็จะดีตามไปด้วย ผู้นำในคริสตจักรจึงควรสนใจที่จะดูแลหัวใจของสมาชิกเพราะในที่สุดแล้วมันจะส่งผลต่อการกระทำที่ตามมาในที่สุด

 

และก็ยังมีอีกความจริงอีกอย่างหนึ่งคือในวันที่คุณต้อนรับพระเยซูคุณก็ไม่ได้ก้าวเข้าสู่ความเข้าใจในความบริสุทธิ์ของพระเจ้าทั้งหมดได้ในทันทีทันใด นั่นเพราะว่าประสบการณ์ในอดีตที่สร้างบาดแผลและความเจ็บปวดมันยังอยู่ในใจของคุณ

 

แน่นอนว่าเมื่อคุณเปิดใจต้อนรับพระองค์แล้วความรอดก็เป็นของคุณและบาปของคุณก็ได้รับการชำระให้พ้นมลธิน หากแต่ใจของคุณนั้นก็ยังจดจำความเจ็บปวดในอดีตของคุณอยู่ ซึ่งหากเราดำเนินชีวิตโดยมีความเจ็บปวดเคียงข้างอยู่ด้วยวันหนึ่งเราก็จะส่งผ่านความเจ็บปวดนั้นไปสู่คนรอบข้าง ในทางกลับกันหากเราดำเนินชีวิตด้วยการแสวงหาการรักษาเยียวยาหัวใจจากพระเจ้าวันหนึ่งคุณก็ย่อมได้ส่งผ่านการเยียวยานั้นไปสู่คนรอบข้างของคุณเช่นกัน เพราะคุณให้ได้เฉพาะสิ่งที่คุณมีและสิ่งที่คุณไม่มีคุณให้ไม่ได้

 

งานรับใช้จึงเป็นงานที่ยากที่สุดในโลกเพราะคุณไม่ต้องทำงานกับตัวเลขหรือจัดการธุรกิจ แต่คุณต้องทำงานกับสิ่งที่ยากที่สุดในโลกนั่นคือ คน และแน่นอนคนย่อมทำให้คุณเจ็บปวดเสมอ การดูแลคนจึงจำเป็นต้องดูแลหัวใจของเขา เพราะสภาพของหัวใจเป็นตัวกำหนดสภาพของการดำเนินชีวิต

 

ในพระธรรมอิสยาบทที่ 61 อธิบายถึง ลำดับความสำคัญอันดับของสิ่งที่พระเจ้าทรงทำเพื่อคุณ ซึ่งไม่เพียงแค่ไถ่บาปของคุณเพราะพระองค์ทำเสร็จไปแล้วที่ไม้กางเขน แต่สิ่งสำคัญที่พระองค์ทำอยู่ตอนนี้คือ เยียวยาบาดแผลในใจของคุณและมอบอิสระภาพให้แก่หัวใจของคุณต่างหาก

 

เราถูกสร้างมาเพื่อดำเนินชีวิตด้วยหัวใจที่สมบูรณ์ ดังนั้นเมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์มาเยี่ยมเยียนคุณ พระองค์ไม่ได้เข้ามาเพื่อมองหาความผิดปกติในหัวใจของคุณแต่ทรงมองหาสิ่งที่หายไป เพื่อพระองค์จะทำการอัศจรรย์ต่อไปในชีวิตของคุณนั่นเอง

 

คำว่าหัวใจถูกกล่าวถึง 841 ครั้งในพระคัมภีร์ เราลองมาทำความรู้จักกันดูว่าหัวใจของเราทำอะไรได้บ้าง

“รัก (Love)”

 

สังเกตุได้ง่ายๆ จากตัวเราเอง เหตุที่ทุกวันนี้เรารักพระเจ้านั่นก็เพราะหัวใจเราสัมผัสความรักของพระองค์ทรงรักเราก่อน  หากว่าหัวใจถูกทำให้แตกสลายก็คงจะยากที่จะเริ่มรักถ้าเราไม่ได้ให้พระเจ้าเข้ามาเยียวยาหัวใจของเราก็ยากที่เราจะใช้หัวใจรักได้ “เพราะการรักคือทางเลือกของหัวใจไม่ใช้วินัยของการกระทำ” ยิ่งเราได้สัมผัสความรักของพระเจ้ามากเท่าไหร่เราก็ยิ่งอยากจะรักพระเจ้ามากขึ้นเรื่อยๆ

“เชื่อใจ (Trust)”

 

ไม่ได้แปลกอะไรถ้าคุณจะไม่สามารถเริ่มต้นไว้ใจใครได้หากไม่ได้รับการเยียวยาหัวใจก่อน เพราะหัวใจของเราไม่ได้ลืมความเจ็บปวดจากสิ่งที่เกิดขึ้นกับเราในอดีตไม่ว่าจะเร็วๆ นี้หรือผ่านมานานแล้ว การนำหัวใจไปรับการเยียวยาจึงสามารถช่วยให้หัวใจของเราเริ่มต้นไว้ใจได้อย่างแท้จริง

“คิด (Think)”

 

การกระทำของคุณแสดงออกตามที่ใจของคุณคิด จะพูดเสียงดัง จะแสดงสีหน้าออกมา หรือจะแต่งกายแบบไหนก็ขึ้นอยู่ที่หัวใจคุณคิดแบบไหนนั่นเอง

“พูด (Speak)”

 

ในพระธรรมลูกาบทที่ 6:45 ปากพูดสิ่งที่ใจคิด เราไม่สามารถพูดออกมาได้โดยที่ใจเราไม่ได้คิดถึงสิ่งนั้นก่อน เชื่อหรือไม่ว่าหัวใจของคุณพูดอยู่ตลอดเวลา ถ้าคุณเคยยืนที่หน้ากระจกแล้วบอกตัวเองอย่างไม่พอใจเกี่ยวกับรูปร่างของคุณว่าอ้วนเกินไปหรือผอมเกินไป ผิวพรรณของคุณเป็นไปไหน หรือทรงผมของคุณไม่เป็นที่น่าถูกใจ นั่นเองคือสิ่งที่หัวใจคุณกำลังพูดกับคุณอยู่

ถ้าคุณอยากรู้ว่าจิตใจของคุณได้รับการรักษาหรือแล้วหรือไม่ คำพูดของคุณเองคือตัวชี้วัดที่ดีที่สุด ในที่สุดแล้วการดำเนินชีวิตของคุณในวันนี้สะท้อนสภาวะจิตใจของคุณ คุณอาจจะรักไม่ได้ ไว้ใจใครยังไม่ได้ วิธีการที่ดีที่สุดคือนำใจของคุณมาให้พระเจ้าทรงรักษา

 

ถ้าวันนี้หัวใจของคุณกำลังแตกสลายอยู่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เลวร้ายนักหรอกเพราะว่าวันนี้พระเจ้าทรงมาเพื่อรักษาหัวใจของคุณ ความเจ็บปวดอาจจะเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้แต่ความรู้สึกเศร้าตรมเป็นเรื่องที่เราสามารถเลือกได้ ความเจ็บปวดไม่ใช่ศัตรูของคุณ แต่การตอบสนองของใจคุณต่อความเจ็บปวดต่างหากที่คุณต้องระวังให้ดี

 

เราถูกสร้างให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว หัวใจของคุณมีอัตลักษณ์การทำงานและความรู้สึก โดยมีสิ่งหนึ่งอยู่ระหว่างกลางทั้งสองสิ่งนี้เรียกว่า ผู้ปกป้อง (Guardian) ทำหน้าที่ปกป้องการทำงานของหัวใจคุณและอารมณ์และความรู้สึกของหัวใจ แต่มันไม่ได้มีหน้าที่ปกป้องทั้งสองสิ่งจากพระเจ้า เพราะพระเจ้าคือผู้เยียวยาหัวใจของคุณที่ดีที่สุด

ทันทีที่ความรู้สึกของหัวใจได้รับอิทธิพลจากความเจ็บปวดในอดีตจนเริ่มเข้ามารบกวนการทำงานของหัวใจซึ่งหมายถึงการแสดงออกของคุณ ให้นำทั้งสองสิ่งกลับมาหาพระเจ้าและหัวใจของคุณจะได้รับการเยียวยารักษา

Christa เล่าถึงประสบการณ์ที่พระเจ้าได้ให้การสำแดงในใจของเธอเป็นเหมือนถ้ำที่มีควันขมุกขมัวหนาไปทั้งห้องและมีพระเยซูยืนอยู่ที่ปลายอีกด้านหนึ่งของถ้ำนั้น เธอเกิดความสงสัยว่าเหตุใดถึงมีระยะห่างระหว่างเธอกับพระองค์ ทั้งๆ ที่เธอเทศน์เรื่องการทรงสถิตและความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับพระเจ้าอยู่บ่อยครั้งและยังเผยแพร่ไปทั่วโลก

เธอสังเกตุเห็นกำแพงสีดำที่ยิ่งมองเข้าไปมันยิ่งหนาขึ้นเรื่อยๆ จนพระวิญญาณตรัสกับเธอว่า Christa เธอคือคนเดียวที่จะเชิญพระองค์ผ่านกำแพงหนาสีดำนั้นเข้าไปได้ เธอจึงกล่าวเชิญพระองค์อย่างไม่รีรอและกระตือรือร้น ทันทีที่พระองค์ก้าวเข้าไปถึงกำแพงหนาสีดำก็เต็มไปด้วยเพชรสีดำขลับที่แสนสวยงาม

เมื่อพระองค์เริ่มต้นสัมผัสไปที่เพชรที่ละเม็ดบนกำแพง กำแพงนั้นก็แผ่ขยายออกไปจนในที่สุดกำแพงก็โน้มข้ามศรีษะของเธอจนกลายเป็นถ้ำที่ประดับด้วยเพชร และที่ตรงกลางถ้ำนั้นก็มีที่นอนอยู่ซึ่งพระเยซูประทับอยู่ตรงนั้นพร้อมกล่าวกับเธอว่า นี่คือที่ของพระองค์และเธอจงรักษาความแนบสนิทนี้ไว้อย่าได้ปกป้องมันไปจากพระองค์เหมือนที่ผ่านมา เธอจึงเริ่มใช้เวลาในถ้ำนี้กับพระองค์อยู่เรื่อยไป

 

จนวันหนึ่งเธอก็นึกขึ้นมาเล่นๆ กับพระองค์ว่า ถ้าเธอมีเพชรแบบนี้มาประดับตัวเธอในชีวิตจริงก็คงจะดี และในช่วงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ พระเจ้าก็ดลใจให้สามีของเธอซื้อสร้อยเพชรให้เธอซึ่งก็คือชิ้นที่อยู่บนคอของเธอตอนนี้ ในวันที่ 5 มีนาคม ไม่กี่สัปดาห์ต่อมาก็ถึงเวลาที่เธอได้ให้กำเนิดบุตรสาวของเธอ เมื่อบุตรน้อยคลอดออกมาก็พบกว่าเธอไม่มีกระโหลกศรีษะ เธอก็อุ้มบุตรน้อยแนบไว้ที่หน้าอกของเธอ และมันเป็นช่วงเวลา 45 นาทีที่สุดแสนจะเจ็บปวดที่สุดในชีวิตของเธอ

เพราะหัวใจของเด็กน้อยพยายามที่จะเต้นเพื่อจะมีชีวิตและใช้ชีวิตอยู่กับเธอ เธอเอื้อมมือไปจับที่สร้อยเพชรที่คอของเธอจนในที่สุดลมหายใจสุดท้ายก็ได้จากร่างของเด็กน้อยไป ปากของเธอก็กล่าวประโยคหนึ่งของบทเพลงที่เธอได้เคยแต่งเอาไว้เมื่อนานมาแล้วแต่ก็ยังไม่ได้เข้าใจความหมายที่แท้จริงของประโยคนั้นว่า

“ขณะยังมีชีวิตหรือจะสิ้นลมหายใจ ข้าถูกปกคลุมไว้ด้วยความรักอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า” 

 

ขณะนี้ผ่านมาแล้ว 4 เดือนหลังจากที่ลูกสาวของเธอกลับไปอยู่ในอ้อมกอดของพระเจ้า แต่ในทุกๆ วันเธอจะกลับเข้าไปที่ที่ถ้ำเพชรของเธอและกรีดร้องออกไปด้วยความโกรธว่า เธอยังไม่ได้มีโอกาสใช้ชีวิตกับลูกสาวของเธอ ไม่ได้มีโอกาสได้เห็นลูกสาวลุกขึ้นเดินและเรียกเธอว่า “แม่” ไม่มีโอกาสได้ส่งเธอเข้าสู่พิธีวิวาร์ที่สวยงาม และที่นั่นพระเยซูก็ทรงยืนอยู่พร้อมบอกเธอให้ร้องออกมาให้สุดเสียงเพราะพระองค์รับรู้ถึงความรู้สึกของเธอ และทรงรู้สึกเจ็บปวดเหมือนดั่งที่เธอกำลังรู้สึก ไม่นานเธอก็ล้มลงที่ตักของพระองค์ พระองค์ทรงกอดเธอและเช็ดน้ำตาของเธอ และค่อยเยียวยาหัวใจที่แตกสลายของเธอ

 

มาถึงตอนนี้เธอจะเผชิญอะไรหนักกว่านี้อีกก็ได้ตราบใดที่ความเจ็บปวดของเธอได้รับการเยียวยารักษา คนรอบข้างกล่าวชื่นชมเธอว่าเธอเข้มแข็งและแข็งแกร่ง แต่ความจริงนั่นเป็นเพราะเธอใช้เวลาอยู่กับพระองค์ในถ้ำแห่งนั้น เธอระบายความเจ็บปวดกับพระองค์อย่างสุดใจ และรักษาความใกล้ชิดของเธอกับพระองค์ไว้อย่างแนบแน่น

“วิธีเดียวที่คุณจะสามารถดำเนินชีวิตอย่างสุดจิตสุดใจกับพระองค์ได้คือเมื่อคุณยอมนำความเจ็บปวด ความบอบช้ำของคุณมาให้พระเจ้าทรงรักษาและเชื่อมหัวใจของคุณจากความเจ็บปวดอยู่เสมอนั่นเอง”

 

———————

ผู้เทศ : Christa Black, Worship U

ผู้แปล : ปาล์ม เลวีวงศ์

กราฟิก : Nan Tharinee

———————

ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง